จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่กำแพง/สารขัณฑ์  (ก็คงเท่านั้น)   

วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม  2565                                                                                                 

จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่กำแพง/สารขัณฑ์  (ก็คงเท่านั้น)         

14

กรณีมหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ ผศ.ดร.La Ph บอกว่า “น่าขยะแขยงกับพฤติกรรมของคนที่ชอบกลั่นแกล้งรังแกลูกน้องไม่หยุดหย่อน ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้นะคะ…วันนี้อ่านเจองานวิจัย “ทฤษฎีแห่งความเหี้ย” วิจัยโดย Sutton เห็นแปลกดีจึงนำมาเผยแพร่ต่อ เขาสรุปว่า “คนเหี้ยคือคนที่ทิ้งให้เรารู้สึกไร้ค่า (demeaned) ไร้พลัง (de-energized) ไร้ความเคารพนับถือในตัวเอง (disrespected) และรู้สึกถูกกดขี่ตลอดเวลา (oppressed) หรือกล่าวอีกอย่างคือคนเหี้ย มักจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนเป็นธุลีดินนั่นเอง (make you feel like dirt) “

ส่วน ผศ.ดร.ชลิดา ภัทรศรีจิรากุล บอกว่า “อ้าว โดนจนได้ ใจคอจะไม่เหลือ ไว้ดูเล่นสักคนเลยเหรอ เมื่อได้ปฏิบัติธรรม ให้เกิด ศีล สมาธิ ปัญญา ก็มักจะคิดพาคนอื่น ให้เข้าถึงพระธรรม อย่างแท้จริงด้วย แต่พออ่านเรื่องนี้ทีไร รู้สึกว่า กิเลส ตัณหา และอัตตา มิได้ลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด กลับมีมิจฉาทิฐิมากขึ้นด้วยซ้ำ ทางพระท่านกล่าวว่า ถ้าผู้ใดยิ่งสะสม กิเลส และความมีตัวตนของตนเอง มากเท่าไหร่ ชีวิตก็จะตกอยู่ในวังวน และหาความสงบในชีวิตมิได้เลย”

ส่วนกรณีมหาวิทยาลัยกำแพงมณี ผู้สันทัดกรณี บอกว่า “ขณะนี้คุณปรสิต เป็นรักษาการอธิการบดี ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย(เถื่อน) ด้วยเหตุผลดังนี้                                                                                                                       1.การเสนอเพื่อรับการโปรดเกล้า ต้องถูกระงับตั้งแต่วันที่ศาลปกครองชั้นต้นประทับรับฟ้อง ( 8กรกฎาคม 2564)                                                                                                                               2.คุณปรสิต รักษาการในตำแหน่งได้ถึง วันที่ 12 ธันวาคม 2564 เท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่ชอบด้วยกฎหมาย  ขอให้ อจ.และบุคลากร ในมหาวิทยาลัย ดำเนินการดังนี้คือร้องเรียนไปที่                                          1.ประธาน ปปช.  2.สำนักเลขาธิการ ครม. 3.รมต.อว. เพื่อให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป                                                                                                                                                                                                                                 

กรณี ม. กำแพงมณี ผมขอสรุปง่ายๆ  “ถ้าคิดว่า ทนอยู่กับสภาพที่ไม่เป็นไปตามปกติอย่างนี้ได้  ก็ไม่ต้องทำอะไร เดี๋ยวเราก็จะชินไปเอง ส่วนพวกเขา เมื่อถึงเวลาก็จะแพ้สังขารไป ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าได้  แต่ถ้าอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง เพื่อชีวิตที่ดี มีคุณค่าและความหมาย ก็ต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อสิ่งที่ “มันควรจะเป็น” ก็คงเท่านั้น

….

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *