วันศุกร์ที่ 22 กรกฏาคม 2565
จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์ (อีเหว)
22
ในที่สุด ก็เป็นที่ประจักษ์อย่างชัดแจ้งว่า ความคิดของนางแต้ม ตัวละครของ คม หักศอก อธิการ ม.สารขัณฑ์ ที่จะกำจัดกลุ่มอาจารย์และพนักงานดั้งเดิม ก่อนที่นางจะมามีอำนาจนั้น เป็นพวกคุมยาก ต่างจากพนักงานที่นางรับเข้ามาใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นญาติโกโหติกา แบบ “เด็กฝาก” สั่งการอย่างไรก็ได้ แบบที่ อ.ไสว ชอบพูด “ชี้มือขึ้นฟ้าเป็นภูเขา ชี้มือลงดินเป็นเหว” ดังนั้น การตั้งกรรมการสอบสวนก็ดี การขุดคุ้ยเพื่อหาความผิดก็ดี ตลอดจนการกีดกันการเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการก็ดี คือ กระบวนการ “ล้างเผ่าพันธุ์ Genocide” แบบเดียวกับ นาซี เยอรมัน และ เขมรแดง กัมพูชา เพื่อก้าวไปสู่การมีอำนาจเบ็ดเสร็จแบบศรีลังกา ของ ตระกูล “ราชปักษา” แต่ที่สารขัณฑ์ เป็นของตระกูล “อีเหว”
เรื่องนี้ Kittipoom L. บอกว่า “หากองค์กรสารขัณธ์ที่ผลิตแม่พิมพ์เป็นเสียเอง..บิดเบี้ยวเสียเองตั้งแต่แม่พิมพ์แท่นพิมพ์..ยังควรจะได้รับความนิยมศรัทธาไว้วางใจอยู่อีกหรือไม่”
ส่วน ชลิดา ภัทรศรีจิรากุล บอกว่า “ไม่นึกเลยว่า จะมีคนแก่วัย 70 ล่วง แต่ยังชอบการมีเรื่อง มีคดีความไม่รู้จบ ข้อหาตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย 9 คน ชอบแล้วหรือ มีข้าราชการประจำอยู่หลายท่านที่เขาสร้างคุณประโยชน์ให้สถาบันมานาน สร้างชื่อเสียงและเป็นที่เคารพนับถือของลูกศิษย์และคนทั่วไปอีกด้วย #1คนไม่พอต้องล้างให้หมดบาง วันนี้วันพระค่ะ
และ ท่าน Paramatta Nilsang เสริมว่า “เข้าทำนองยิ่งแก่ ยิ่งบ้า ใกล้ยมบาลไปทุกทีแล้วใช่ไหมครับ 555
และผู้สันทัดกรณี บอกว่า “คำสั่งของนางแต้มที่แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะเป็นคู่กรณีกันกับ อาจารย์ ทั้ง 9 คน คณะกรรมการชุดสุนัขรับใช้ดังกล่าวก็ย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วย
ขอให้คณะอาจารย์ทั้ง 9 คนแจ้งความดำเนินคดี หรือฟ้องเองต่อศาลอาญาทุจริตฯ กับนางแต้มและกรรมการสอบสวนชุดสุนัขรับใช้เพื่อเป็นการสนองตอบต่อความบ้า(อำนาจ)ของคนเหล่านั้นขอให้อจ.ทั้ง 9 คนร้อง เรียนต่อปปช.กล่าวหานายกฯที่เสนอคนที่มีปัญหาทางจิต(คนบ้า)และปัญหาทางด้านกฎหมายเพื่อรับการแต่งตั้งเป็นอธิเกิน”
สุดท้าย ฉวีวรรณ มีเคลือบ สรุปว่า “สภา.เกาหลัง..ส่งเสริมพวกคนแก่..เป็นอธิเกิน แทนที่จะไปนั่งรอวันตาย…”
…