จิปาถะเรื่องสั้นเหตุเกิดที่สารขัณฑ์ (พ่อแม่สอนดีเนาะ)

วันเสาร์ที่ 23  กรกฏาคม  2565  

จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์  (พ่อแม่สอนดีเนาะ)

23

มีนา จัน บอกคม หักศอกว่า “คงไม่เวอร์เกินไปที่จะสรุปว่า ขณะนี้ที่ ม.สารขัณฑ์ ได้ถูกใช้ให้เป็นสนามประลองยุทธ์ ในความขัดแย้ง หรือ อาจเรียกว่า สงคราม ระหว่างผู้บริหาร ซึ่งมีนางแต้ม อธิการบดี ผู้มีจิตวิบัติ แห่งตระกูล “อีเหว” เป็นหัวหอก กับอาจารย์,พนักงานฯ และนักศึกษา ที่มีพลังรวมกันเกิน 100 ไปเรียบร้อยแล้ว

การประลองยุทธ์นี้ เริ่มด้วยทั้งสองฝ่ายมีกรณีฟ้องร้องกันไปมา ในศาลปกครอง ศาลอาญา และศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีคดีรวมกันมากกว่า 100 คดี  เรื่องคดีนี้ถือเป็น “สนามประลองยุทธ์ทางกฏหมาย ที่จะต้องพันตูกันอีกยาวนาน เพราะเกี่ยวข้องกับผู้คนมากมาย  ครอบคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง หลายเมือง เช่น เมืองโคราชา เมืองประทายสมันต์ เมืองสารขัณฑ์ และเมืองสารคามบุรี “ครับ ก็ว่ากันไป” แต่ที่แน่ๆก็คือ เรื่องนี้รัฐต้องเสียทั้งทรัพยากรบุคล ทำเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องและเสียเงินเสียทองไปเป็นจำนวนมาก “แม่งมึงเอ้ย! ภาษีกู!” อุทาน! เสียหน่อย 555

ส่วนที่ ม. สารขัณฑ์ ซึ่งถือเป็นสนามหลัก นางแต้มกำลังขับเคี่ยวกับฝ่ายอาจารย์,พนักงานอย่างเมามัน  เริ่มด้วยการสั่งปลด หญิงกล้า ซึ่งเป็นคู่ความในศาลคดีอาญาทุจริต ออกจากราชการ และนอกจากจะเฉดหัวให้ออกจากที่ทำงานแทบไม่ทันแล้ว  รีบจ่ายสลิปเงินเดือนกรกฏาคม 8 วัน เรียบร้อย และได้ทำหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานต่างๆในสารขัณฑ์ เช่น สหกรณ์ครู ฯ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ว่า “ได้ปลด หญิงกล้า ออกจากราชการแล้ว” อำมหิตไหมล่ะ อธิการบดีสถาบันการศึกษาชั้นสูงของสารขัณฑ์เรา

เท่านั้นยังไม่พอ ได้มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวน อาจารย์และพนักงานจำนวน 9 คน ซึ่งเป็นคู่กรณีให้ไปรับทราบ “ข้อกล่าวหา” ความผิดทางวินัย  งานนี้มันหยด,มันย่อง,มันแผลบ ละครับ  เพราะคำสั่งแต่งตั้งประธานกรรมการนั้น สั่งตั้งแต่ปี 63 โน่น ตอนนั้นยังเป็นรักษาการเถื่อนอยู่เลย  นี่มันอะไรกันวะ!

“มีข้อน่าสังเกต” มีนา จัน เน้น “นางแต้มซึ่งเรียนรู้เรื่อง“ยอดคน”มาจากผู้ว่าฯ ได้ใช้ความเป็นยอดคน persuade ให้บุคคลระดับ ศ. ดร. ทั้งคู่ หรือ “ผู้สิ้นไร้ไม้ตอก” คนหนึ่งมาจาก ม. เมืองทอง ได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนให้เป็นกรรมการสภาฯ ส่วนอีกคนมาจาก ม. ขอนไม้ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธารกรรมการสอบสวนความผิดวินัย ทั้งคู่เป็นเครื่องมือของนางแต้ม ใน “การฆ่า” ลูกน้อง ถ้าพูดแบบ คดี ผกก. โจ้ ก็คือ  สอง ศ. ดร. นี้ ช่วยกันจับถุงคลุ่มหัวเหยื่อให้นางแต้มเชือดนั่นเอง “พ่อแม่สอนดีเนาะ”

และวันนี้ ผศ.ดร. La Ph บอกว่า “คนบ้าอำนาจและมีความคิดแบบล้าหลังที่นิยมระบบเจ้าขุนมูลนาย ถ้าเห็นใครคิดต่างหรือไม่ยอมเข้ากราบกรานเยี่ยงทาส ก็จะผูกใจเจ็บและหาทางเอาคืนหลายเท่า…อนิจจา! เวรกรรมของสารขัณฑ์ที่ยังมีคนแบบนี้ได้เป็นผู้บริหาร”

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *