เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน ท่องยมโลก (ไปหาพระ)

 

จิปาถะ
เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน ท่องยมโลก (ไปหาพระ)
เนื่องจากท่านเจ้าคณะอำเภอ วัดโปรดสัตว์ ที่สองแม่ลูกต้องการจะไปกราบบูชาไม่อยู่ที่กุฏิ แม่จึงบอกให้ลูกสาวพาเข้าไปในพระอุโบสถที่เปิดอยู่ เพื่อกราบนมัสการองค์พระประธาน ลูกสาวเข็นรถแม่ไปนั่งอยู่ทางตอนหน้าของอาสนะสงฆ์ภายในพระอุโบสถ โดยหันหน้าไปทางพระประธานองค์ใหญ่ แม่บอกลูกสาวว่าทิ้งแม่ไว้ที่นี่แหละ ไปทำธุระให้เสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยกลับมารับแม่
ณ เวลานั้น หญิงชราที่มีสภาพจิตใจสับสนหดหู่ สีหน้าเศร้าหมอง ยกมือขึ้นพนมระหว่างอก สายตาจ้องมองสูงขึ้นไปยังพระพักตร์ขององค์พระประธาน ด้ายกิริยาสงบนิ่ง และควบคุมจิตใจให้โน้มน้าวไปสู่ความเลื่อมใสศรัทธาในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า น้อมระลึกถึงพระพุทธคุณ คือ พระบรมศาสดานั้น เป็นผู้ไกลจากกิเลส เป็นผู้ควรกราบไหว้ควรบูชา เป็นผู้รู้ชอบเอง เป็นผู้บริบูรณ์แล้วด้วยวิชชาและจารณะ เป็นพระสุคตที่เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้ทรงรู้โลก เป็นผู้ฝึกบุรุษที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาผู้สอนของเทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม โดยตั้งจิตอธิฐานขอให้องค์พระบรมศาสดาได้โปรดช่วยบัดเป่าทุกข์ภัยให้แก่ลูกช้างด้วยเถิด เจ้าพระคูณ
ทันใดนั้นก็มีเสียงถามขึ้นว่า “มีเรื่องอะไรหรือโยม”
หญิงชรามีอาการสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของพระประธานที่ถามมา
“ลูกสาวป่วยเจ้าค่ะ มีอาการนอนไม่เป็นเวลา และหลับยาวนานเป็นวัน สองวันหรือ สามวัน เมื่อตื่นขึ้นมาก็เพ้อพูดเรื่องอะไรต่อมิอะไรไปตามเรื่อง ท่านชีปะขาวบอกว่า ผีปอบ มรภ เข้าสิง ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดช่วยลูกช้างด้วยเถอะ เจ้าคะ”
“ที่ลูกสาวโยมเกิดเจ็บป่วนขึ้นมานี่ก็เป็นผลมาจากเหตุ ดังคาถาหัวใจพระพุทธศาสนาว่า เยธัมมา “ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น” ฉะนั้นก็ต้องแก้ที่เหตุ……เหตุมาจากอะไรล่ะโยม เล่ามาซิ”
“ได้ เจ้าค่ะ แต่ก่อนก็ไม่เป็นอะไร ตั้งแต่มาเป็นผู้บริหารนี่แหละจึงเกิดมีอาการป่วย”
“ไปทำอะไรไม่ดีไม่งามมาบ้างหรือเปล่าละ โยม”
“ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่เจ้าคะ
“ต้องมีซิ โยม นึกให้ดี และว่ามาให้หมด อย่าได้ปิดบังอำพรางเป็นเด็ดขาด”
“ได้ เจ้าค่ะ ก่อนที่จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บริหาร ปรากฏว่าได้มีการแย่งชิงตำแหน่งกันค่อนข้างจะรุนแรง คนที่เคยรักชอบกันเป็นเพื่อนสนิทกันก็กลายเป็นเกลียดชังกัน และเพื่อให้ได้ตำแหน่ง ลูกสาวก็คงจะใช้เล่ห์เหลี่ยมและทำอะไรที่ไม่ดีไม่งามไปบ้าง ตื้นลึกหนาบางไม่ทราบเจ้าค่ะ แต่ที่แน่ๆก็คือ เพื่อนๆแตกกันไปหมด”
“นี้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งจ้ะโยม ความอยากได้เป็นเหตุให้เกิดการแก่งแย่ง การแก่งแย่งทำให้เกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวก การใช้เล่ห์เหลี่ยมแก่งแย่งกรีดกันกัน ซึ่งถือว่าเป็นกรรม ก็ต้องชดใช้กรรมในส่วนนี้ไป….แล้วมีอะไรอีกล่ะ”
“เมื่อเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารแล้ว เท่าที่ทราบลูกสาวก็จะกลั่นแกล้ง กรีดกันฝ่ายตรงข้าม และครูบาอาจารย์ทั้งหลายตัวอย่างเช่น มีอาจารย์ท่านหนึ่งได้ไปช่วยราชการที่หน่วยงานอื่นที่อยู่ใกล้บ้าน เพื่อจะได้มีโอกาสดูแลแม่ซึ่งป่วย เนื่องจากเป็นลูกคนเดียว บิดาเสียชีวิตไปนานแล้ว ลูกสาวก็เรียกให้อาจารย์ท่านนั้นกลับมาโดยไม่ยอมฟังเหตุผลอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าเขาจะขอร้องเท่าไรก็ไม่ยอม จนเขาต้องเลือกวิธีลาออกไป…และที่แย่ไปกว่านั้นอีกก็คือ ได้สั่งให้นิติกรฟ้องร้องให้เขาชดใช้ทุน ก็ขึ้นโรงขึ้นศาลกันอยู่ เจ้าค่ะ”
“นี้แหละบาปหนัก ที่ละเมอเพ้อพกอยู่ทุกวันก็เพราะเหตุนี้แหละ การขัดขวางบุคคลที่มีความกตัญญูรู้คุณต่อบิดามารดานั้นเป็นบาปหนักหนาสากรรจ์ทีเดียว…มีอะไรอีกไหมล่ะ โยม”
“คิดว่าคงจะมีอีกแต่ที่ทราบก็แค่นี้แหละเจ้าค่ะ ”
“ที่นี้ก็รู้สาเหตุแล้วใช่ๆไหมละ โยม”
“รู้แล้วเจ้าค่ะ…..แล้วจะช่วยได้อย่างไรบ้างล่ะเจ้าค่ะ”
“โยมช่วยอะไรลูกสาวไม่ได้หรอก กรรมใครกรรมมัน ใครทำใครได้ วิธีการก็คือ จงพยายามให้เขากลับมามีเมตตาธรรม ระวังอย่าให้เขาสร้างกรรมใหม่ และจงชดใช้กรรมเก่าไป เมื่อหมดกรรมก็จะหายเป็นปกติเอง”
“ที่ฟ้องเขาล่ะ เป็นกรรมหนักขนาดไหนเจ้าค่ะ”
“กรรมนี้ก็หนักพอสมควร เพราะผู้ที่ถูกฟ้องก็ต้องแก้ข้อกล่าวหา ต้องเสียเงินเสียทองเป็นค่าทนายและอื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก อีกทั้งต้องเดินทางไปมาซึ่งเป็นความทุกข์ความลำบาก ยิ่งเขาได้รับความทุกข์ความลำบากมากแค่ไหน ผู้สร้างกรรมก็จะได้รับทุกข์ความลำบากมากเท่านั้น”
“รู้ทางแก้แล้วใช่ไหมล่ะ โยม”
“รู้แล้วเจ้าค่ะ”
“รู้ว่าอย่างไร โยม”
“รู้ว่าเรื่องของกรรมไม่มีใครช่วยใครได้ วิธีปฏิบัติก็คือต้องเป็นผู้มีเมตตาธรรม ไม่สร้างกรรมชั่ว สร้างแต่กรรมดี และใช้กรรมเก่าไปจนกว่าจะหมดกรรม ”
“ใช้แล้ว โยม”
“ที่นี้โยมก็ไม่ต้องขวนขวายไปขอความช่วยเหลือที่โน่นที่นี่อีก เพราะช่วยอะไรเขาไม่ได้ เขาต้องช่วยตัวเอง โยมก็คอยดูแลให้เขาชดใช้กรรมไป”
“เจ้าค่ะ”
“ยังสงสัยอยู่อีกนิดหนึ่งค่ะ….ทำไมพระประธานจึงพูดได้ล่ะเจ้าคะ”
“โอ้ โยม พระประธานไม่ได้พูดหรอก โยม อาตมาพูดเอง”
“อาตมาอยู่ที่ไหนล่ะ เจ้าคะ”
“ก็นั่งอยู่ตรงหน้าโยมนี่แหละ….
โยมต้องมองสิ่งต่างๆให้รอบด้าน โยมมองแต่ที่สูง ก็เห็นแต่พระพักตร์ของพระประธาน เปรียบเหมือนคนที่มองแต่ความสะดวกสบาย สนุกสนานเพลิดเพลิน อยากได้โน่นได้นี่ เป็นเรื่องของความโลภ ที่นี้โยมลองก้มหน้าลงมาดูข้างล่างบ้าง โยมจะเห็นอะไรอีกมากมาย จะเห็นผู้คนอีกเป็นจำนวนมากที่ทุกข์ยาก ซึ่งเกิดจากการเบียดเบียนของมนุษย์ด้วยกัน ก้มหน้าลงมาซิโยม โยมก็จะเห็นอาตมาเอง…….เห็นหรือยัง โยม”
“เห็นแล้วเจ้าค่ะ”
“เมื่อเราคอยแต่จะแหงนหน้าขึ้น เราก็จะมองเห็นแค่ท้องฟ้า ก้อนเมฆ และดวงดาว การเชิดหน้า เป็นลักษณะท่าทางของความเย่อหยิ่งจองหอง ซึ่งไม่มีใครชอบมีแต่คนเกลียดชัง แต่ถ้าเราก้มหน้ามองข้างล่าง เราจะเห็นสิ่งต่างๆมากมาย และที่สำคัญมากก็คือได้เห็นความทุกข์ยากของเพื่อนมนุษย์ อีกทั้งเราก็จะเป็นคนที่มีกิริยาท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตน ลักษณะเช่นนี้ก็จะมีแต่คนเมตตารักใคร่…
ถ้าลูกสาวของโยมมีเมตตาธรรมที่ให้กับทุกคนรอบข้าง ให้ความรักเมตตาทั้งคนที่อยู่ข้างบน ข้างล่าง ข้างซ้ายและข้างขวา เห็นอกเห็นใจเขาตามสมควรแก่กาลและ ปฏิบัติได้ดังนี้โดยสม่ำเสมอ ด้วยใจที่สะอาดบริสุทธิ์โปร่งโล่ง ไม่ช้าโรคภัยที่เบียดเบียนอยู่ก็จะหายไปเอง….มีอะไรอีกไหม อาตมาจะไปแล้วล่ะ”
“มีเจ้าค่ะ”
“อะไรอีกล่ะ โยม”
“ทำอย่างไรลูกสาวจึงจะเชื่อล่ะเจ้าคะ”
“โยม อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับบุญเก่า หรือที่บาลีในมงคลสูตรกล่าวว่า
ปุพเพ จะ กะตะปุญญะตา “ความเป็นผู้มีบุญอันทำแล้วในกาลก่อน” จ้ะโยม
…..

 

 

budha

 

Comments are closed.