เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน ท่องยมโลก (อาจารย์นั่งทำหัวสัปหงก)

meng

จิปาถะ
เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน ท่องยมโลก (อาจารย์นั่งทำหัวสัปหงก)
6
ห้องชั้นล่างซึ่งเป็นที่พักผ่อนหลับนอนของแม่ซึ่งป่วยกระเซาะกระแซะเนื่องจากชรามากแล้ว ถูกปรับให้เป็นห้องพักของนางแต้ม โดยแม่เปลี่ยนฐานะจากผู้ที่ต้องได้รับการดูแลมาเป็นผู้ดูแลนางแต้มแทน ถึงแม้ว่านางแต้มจะไม่ได้เจ็บป่วยอะไร แต่มีอาการผิดปกติ คือ นอนและตื่นยาวนานกว่าปกติ คือหลับยาวเป็นวัน หรือสองวันสามวัน และทำท่าจะยาวกว่านั้นไปอีก และตื่นไม่เป็นเวลา บางครั้งดึกดื่นเที่ยวคืน เอาแน่นอนอะไรไม่ได้ จึงเป็นภาระกับผู้ดูแลโดยเฉพาะแม่ ซึ่งนอกจากต้องดูแลตัวเอง ต้องเอาอกเอาใจลูก และต้องอยู่อย่างใกล้ชิดแล้ว ยังวิตกกังวลเกี่ยวกับอาการที่ผิดปกตินี้ ซึ่งก็ไม่รู้อนาคตว่าจะเป็นอย่างไร และวันนี้ก็เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่ง
“แม่จ๋า” นางแต้มร้องเรียกหาแม่เมื่อตื่นขึ้นมาตอนสาย พี่สาวรีบยกถาดใส่อาหารเช้ามาเสริฟ กลัวนางจะหิว เพราะหลับยาวไปนาน
แม่เลื่อนรถเข้าไปใกล้ เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “มีอะไรลูก”
“ลูกไปเฝ้า “หวู่ตี่” หรือ “อู่ตี่” มา”
“หวู่ตี่ เป็นใครลูก”
“อ๋อ! หวู่ตี่ เป็นจักรพรรดิหรือฮ่องเต้ของราชวงศ์ซีจิ้น หรือจิ้นตะวันตก (ค.ศ. 266-ค.ศ.316) ในประวัติศาสตร์จีน”
“แม่งงลูก”
“คืออย่างนี้แม่ ในปี ค.ศ. 265 ซือหม่าเอี๋ยน สามารถโค่นราชวงศ์เว่ย (ค.ศ.220-ค.ศ.265)ได้สำเร็จและสถาปนาราชวงศ์จิ้นขึ้น ตั้งตนเป็นฮ่องเต้ ทรงพระนามว่าหวู่ตี่ (ค.ศ.265-ค.ศ.290)”
“เข้าใจแล้วลูก….แล้วอย่างไรอีก”
“ลูกไปเฝ้าพระองค์ พระองค์ทราบว่าลูกเป็นครู จึงให้ขันทีพาลูกไปพบอาจารย์หลีซี ซึ่งเป็นอาจารย์ของซือหม่าจง พระราชโอรสของพระองค์ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นไท่จื่อ”
“ไท่จื่อ อะไรลูก”
“ไท่จื่อ คือ ตำแหน่งองค์รัชทายาท ซึ่งจะเป็นฮ่องเต้องศ์ต่อไปจ้ะแม่” นางแต้มอธิบายอย่างฉะฉาน
“แล้วไงอีกลูก” แม่ถามต่อ
“พอดีอาจารย์หลีซีกำลังสอน ลูกก็เลยขออาจารย์หลีซี Sit-in อาจารย์ก็อนุญาต”
เนื่องจากซือหม่าจงมีระดับสติปัญญาค่อนข้างต่ำ ไม่สามารถแยกแยะสิ่งผิดถูกได้ และไม่ค่อยสนใจบทเรียน อาจารย์หลีซีจึงต้องเข้มงวดกวดขัน อาจารย์ได้อธิบายคำสอนของเมิ่งจื่อ (372-289 ก่อนคริสต์ศักราช) เกี่ยวกับการฝึกฝนตนเอง
“ผู้มีใจไร้ซึ่งความเสียสละมิใช่คน ผู้มีใจไร้ซึ่งความสามารถจำแนกถูกผิดมิใช่คน” อาจารย์หลีซีพยายามอธิบายเนื้อหาคำสอนของเมิ่งจื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า และย้ำอยู่เสมอว่า ผู้ที่จะเป็นกษัตริย์ปกครองแผ่นดิน ยิ่งต้องมีความเมตตาและความสามารถจำแนกถูกผิด เพราะความเมตตาทำให้รู้จักรักใคร่ราษฏรและความสามารถจำแนกถูกผิด ทำให้รู้จักแยกแยะว่าสิ่งไหนดีสิ่งไหนเลว การที่จะสามารถจำแนกถูกผิดให้ได้นั้น ต้องเข้าใจคำว่าส่วนรวมกับส่วนตัว ”
ขณะที่อาจารย์หลีซีสอน ฝนกำลังตกพรำๆ ลูกตั้งใจฟังอย่างดี แต่ไท่จื่อไม่ได้ใส่พระทัยในการเรียนเลย มองดูแต่น้ำฝนที่ตกลงมาจากชายคา อาจารย์หลีซี จึงถามไท่จื่อว่า
“พระองค์เข้าใจเนื้อหาที่สอนหรือไม่”
“ท่านให้รักราษฏร ไท่จื่อตอบ”
เมื่ออาจารย์หลีซีเห็นว่าไท่จื่อ ยังไม่เข้าใจเนื้อหาก็ได้อธิบายซ้ำอีกครั้ง
“แล้วอะไรคือส่วนตัว ส่วนรวมล่ะ” ไท่จื่อย้อนถามอาจารย์
ขณะนั้นมีเสียงกบเขียดร้องระงมอยู่นอกห้อง ไท่จื่อนั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อ และตรัสถามอาจารย์ว่า
“กบที่กำลังร้องอยู่ตอนนี้เป็นส่วนตัวหรือสวนรวม”(คเณศ.80-81)
“นั่งมันคนละเรื่อง” อาจารย์รำพึงในใจ และรู้สึกท้อ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่นั่งทำหัวสัปหงก
“จากนั้นก็เป็นเวลาพักเสวยพระกระยาหาร ลูกมีโอกาสได้ร่วมโต๊ะกับไท่จื่อและอาจารย์ด้วยละ อาจารย์เห็นไท่จื่อ รับประทานมูมมาม จึงกล่าวว่า “ข้าวแต่ละเม็ดได้มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของชาวนา เวลานี้เกิดภัยแล้งราษฏรไม่มีข้าวจะกิน เราควรจะกินอย่างระมัดระวัง”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบ
ลูกได้โอกาส ก็เลยย้อนถามอาจารย์กลับไปว่า “ถ้าไม่มีข้าวจะกินทำไมไม่กินก๋วยเตียวแทนล่ะ”
อาจารย์ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่นั่งทำหัวสัปหงก
…..
คเณศ แปล.(2532).ฮองเฮา ผู้อยู่เบื้องหลังบัลลังก์จักรพรรดิ.กรุงเทพฯ : นานมี.
ทวีป วรดิลก.(2547).ประวัติศาสตร์จีน.พิมพ์ครั้งที่ 4.กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ.
ภาพ : เมิ่งจื่อ (372-289 ก่อนคริสต์ศักราช)manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9480000019072 (13 พค.58)

Comments are closed.