เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน ศักดิ์ชัย ล่ามที (เจ้าอ้วน)

sakchai

เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน ศักดิ์ชัย ล่ามที (เจ้าอ้วน)
“เอ้า ! พวกเรา วันนี้ครูขอแรงอีกครั้งนะ ไปช่วยกันยกของเคลียร์บ้านให้หน่อย”
ผมพูด กับนักศึกษาที่ปรึกษาที่ยืนล้อมผมอยู่ที่หน้าภาควิชาศิลปะ หลังจากตรวจและวิจารณ์ผลงานการเขียนภาพสีน้ำมัน ซึ่งกว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไป 5 โมงเย็น ที่ปรึกษารุ่นนี้ของผมกำลังจะจบในเทอมนี้ ผมตั้งใจว่าจะพาไปเลี้ยงส่งพวกเขาสักหน่อย
“ไปกันทุกคนนั่นแหละ” ผมย้ำ “แต่ถ้าใครไม่ว่างก็ไม่ต้อง”
“ใครไม่ว่างบ้างล่ะ” ผมถามเพื่อตรวจสอบความสมัครใจ
“ผมครับ” เจ้าอ้วน หรือ ศักดิ์ชัย ล่ามที ยกมือให้ครูเห็น พร้อมกับแสดงเหตุผลประกอบ
“ผมไม่ว่างครับ พอดีมีงานด่วน”
“ไม่เป็นไร ไว้โอกาสหน้าก็ได้” ผมบอกให้รู้ว่า งานยังจะมีให้ทำอีก
“มีใครอีกไหม? ที่ไม่ว่างหรือติดธุระ”
ทุกคนเงียบ สมชาติเลยสรุป “ไม่มีครับครู”
ผมหันไปมองหาสมพล ที่ยืนรวมอยู่ในกลุ่ม
“ให้ทุกคนเตรียมรถมารอที่หน้าภาคฯ แล้วตามครูไปก็แล้วกัน ส่วนสมพลให้มานั่งรถไปเป็นเพื่อนกับครู” ผมสั่ง
สมพลทำท่ายืด อวดเพื่อนที่ครูให้อภิสิทธิ์
แต่ไม่มีใครสนใจมันหรอก ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปเอารถมอเตอร์ไซด์ เตรียมตัวขับตามรถครูไป
ศักดิ์ชัย ล่ามที หรือที่เพื่อนๆชอบเรียกว่าเจ้าอ้วน เพราะเขารูปร่างสูงให¬ญ่ น้ำหนักตัวเกินร้อย เขา เป็นลูกคนเดียวของครูให¬ญ่โรงเรียนประถมในอำเภอติดชายแดนเขมร จังหวัดสุรินทร์ พ่อเขาจึงรักและตามใจทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่ปล่อยให้กินจนอ้วน ไม่ต้องทำเวร ไม่ถูกลงโทษถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำการบ้าน เพราะครูประจำชั้นมักจะเอาใจเขาเพื่อประจบครูใหญ่ เขาเคยเล่าให้เพื่อนฟังอย่างภาคภูมิใจว่า เมื่อตอนเขาเรียน ป.1 ทั้งห้องเขามีรองเท้าใส่ไปโรงเรียนเพียงคนเดียว
เมื่อศักดิ์ชัย โตขึ้น สิ่งที่ได้ถูกหล่อหลอมมาตั้งแต่เด็กก็ปรากฏชัดขึ้นทุกวัน เริ่มตั้งแต่เรื่องกินที่ไม่ค่อยแบ่งให้ใคร เรื่องงานจะหลีกเลี่ยง ชอบคุยข่มเพื่อน แสดงอาการฉุนเฉียวเมื่อถูกขัดใจ แต่พวกเพื่อนๆรู้นิสัยเขาดี และไม่สนใจอะไร เพราะสำหรับคนที่เห็นแก่ตัว อยากได้แต่ของคนอื่น เอาเปรียบเพื่อนฝูง เมื่อพูดถึงเรื่องการให้หรือการเสียสละจึงยากที่เขาจะเข้าใจ
เมื่อทุกคนมาพร้อมกันที่หน้าภาควิชาศิลปะแล้ว ผมขับรถออกจากภาคฯ โดยมี มอเตอร์ไซด์นักศึกษาเอกศิลปะกลุ่มใหญ่ขับเป็นแถวเรียงสองตามมาเป็นขบวนเหมือนกับรถนำขบวนนักการเมืองระดับประเทศ จะต่างกันก็เพียงแต่ว่า ขบวนมอเตอร์ไซด์แทนที่จะขับนำหน้า แต่ขับตามหลังรถยนต์เก่าๆของครูไป มีพวกนักศึกษาเอกอื่นยืนดูกันเต็มสองข้างทาง ต่างสงสัยกันว่าพวกเอกศิลปะจะมีอีเว้นอะไรกันอีก
หลังจากรถเลี้ยวที่วงเวียนธงชาติ สมพลซึ่งนั่งสงสัยมานาน ถามว่า “ครูจะพาเราไปไหนครับ”
“ไปตลาด จะพาไปเลี้ยงหมูกระทะ ฉลองที่พวกเราจบ”
“ไหนครูว่าจะให้ไปทำงานที่บ้านครูไงล่ะ” สมพลหันหน้ามาทางผม
“ไม่มีงานอะไรหรอก ครูหลอกเจ้าอ้วนมัน”
“ทำไมละครับ” สมพลสงสัย
“สมพลก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือว่า เจ้าอ้วนมันนิสัยไม่ดี เรื่องกินมันจะเสนอหน้ามาก่อน ส่วนเรื่องงานมันจะหลีกเลี่ยงเสมอๆ”
“ทำไมครูรู้ล่ะ?” สมพลทำหน้าสงสัย
“หรือพวกเธอไม่รู้” ผมย้อนถาม
สมพลนิ่งเงียบยอมจำนน
“งั้นก็กินกันไม่ครบเซ็ทนะซิ” สมพลพ้อ
“ไม่เป็นไรหรอก ครูคิดไว้แล้ว เดี๋ยวถึงร้าน สมพลค่อยโทรไปเรียกเจ้าอ้วนก็แล้วกัน”
สมพลทำท่าโล่งอก
“ทำไมครูไม่บอกไม่สอนมันล่ะ มันจะได้ปรับตัว ไม่เอาเปรียบเพื่อน” สมพลปรารภ
“นี่ไงล่ะ ครูกำลังสอนมันอยู่”
“ผมว่าไม่ได้ผลหรอก” สมพลออกความเห็น
“เรื่องสอนกับผลการสอนมันคนละเรื่องกัน การสอนเป็นเรื่องของครู ส่วนผลการสอนเป็นเรื่องของนักศึกษา จะได้หรือไม่ได้อยู่ที่ตัวเขาเอง” สมพลทำท่าว่าเข้าใจ
ร้านหมูกระทะ อาหารยอดฮิต สำหรับนักศึกษาต่างจังหวัด เพราะ รับประทานได้เต็มที่ มีคุณค่าทางโภชนาการ และราคาไม่แพง ดังนั้น ช่วงค่ำๆ หน้าร้านจะเต็มไปด้วยรถมอเตอร์ไซด์ที่จอดกันเป็นแถวยาวเหยียด
เมื่อถึงร้านอาหาร สมพลโทรไปตามเจ้าอ้วน และเดินไปอธิบายกับกลุ่มเพื่อน เรื่องแผนของครูทุกคนเข้าใจ จากนั้นจึงแยกกันนั่งตามโต๊ะๆละ 4 คน วันนี้เราเหมาร้าน
โต๊ะผมมีสมพล และว่างเผื่อเจ้าอ้วนไว้อีก 1 ที่ เพราะเจ้าอ้วนมันกินจุ
เด็กติดไฟเตาถ่านเพิ่งเสร็จ ยกมาวางที่โต๊ะ ยังไม่ทันเอากระทะตั้งเลย เจ้าอ้วนก็โผล่มาแล้ว
ผมบอกให้เจ้าอ้วนนั่งด้วยกัน เจ้าอ้วนตอบ “ครับ”
เมื่อเจ้าอ้วนนั่งลงเรียบร้อยแล้ว ผมถาม “ไหนว่าไม่ว่างไงล่ะ?”
เจ้าอ้วนตอบ “ก็ครูไม่ได้บอกว่าจะพามากินหมูกระทะนี่ครับ ผมจะได้ว่าง”