เรื่องสั้นขนาดยาว หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน บุญมา เงียบเหงา

เรื่องสั้นขนาดยาว หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน บุญมา เงียบเหงา
ในปีนี้ สถาบันของเราได้รับอัตรากำลังอาจารย์เพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก มีการบรรจุตำแหน่งอาจารย์ใหม่ถึง 15 ตำแหน่ง ทั้งตำแหน่งอาจารย์ภาษาไทยภาษาอังกฤษ สังคม วิทย์ฯคณิตฯและศิลปะ ดังนั้นเมื่ออาจารย์ที่ได้รับการบรรจุมารายงานตัวพร้อมแล้วจึงได้มีการเลี้ยงต้อนรับอย่างเอิกเกริก งานเลี้ยงจัดขึ้นที่บริเวณหน้าตึกแดง ซึ่งเป็นเรือนปั้นหยาสองชั้นเก่าแก่สร้างด้วยไม้แดงทั้งหลัง ภายนอกทาสีแดงไล่น้ำหนักอ่อนแก่ ตัดกับหมู่ไม้ด้านหลัง ตามข้อมูลเดิมว่าเป็นวังของเจ้านายเก่า เป็นสมบัติตกทอดมาตั้งแต่เริ่มแรกก่อตั้งสถานบันและได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี โดยใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางด้านศิลปวัฒนธรรม ถือได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กที่นักศึกษาสามารถเข้าไปใช้ศึกษาค้นคว้าได้อย่างดี นอกจากนั้นบริเวณด้านหน้าอาคารซึ่งมีพื้นที่กว้างขวาง จัดภูมิทัศน์ด้วยอ่างน้ำพุประดับประติมากรรมไทยประยุกต์ จากวรรณคดีไทยเรื่องรามเกียรติ์ ตอนหนุมานจับนางสุวรรณมัจฉา และปลูกไม้ดอกไม้ประดับร่มรื่นสวยงามน่ารื่นรมย์ บริเวณนี้มักจะใช้เป็นที่จัดงานเลี้ยงในโอกาสสำคั¬ญๆต่างๆ
ส่วนข้อมูลลึกๆ กล่าวกันว่าตึกแดงนี้ ผีดุ เล่าลือกันมาว่า บางคืนจะได้ยินเสียงเด็กๆวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ส่งเสียงเจี้ยวจ้าวดังลั่นไปหมด หรือบางคืนจะมีเสียงการจัดเลี้ยงต้อนรับแขกเหรื่อที่มาเยี่ยมเยียน แต่เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงเรื่องที่เล่าลือกันเท่านั้น จริงเท็จอย่างไรไม่มีใครยืนยันได้ เนื่องจากอาคารนี้อยู่ลึกเข้าไปทางด้านทิศตะวันตกของสถาบันซึ่งมีไม้ยืนต้นเก่าแก่หลากหลายพันธุ์ปลูกไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งดูทึบน่ากลัวอยู่แล้ว ยิ่งลือกันว่าผีดุ ยิ่งทำให้น่ากลัวมากขึ้นไปอีก
การจัดเลี้ยงรับอาจารย์ที่บรรจุใหม่เป็นไปอย่างชื่นมื่น ซึ่งสามารถสร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาใหม่ได้อย่างเต็มเปี่ยม นับเป็นนิมิตหมายอันดีที่จะได้ร่วมงานทางด้านการศึกษากันได้อย่างเต็มที่และราบรื่น หัวหน้าสถานศึกษาลุกขึ้นกล่าวต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “ผมในนามของสถาบันรู้สึกยินดีที่ได้มีโอกาสต้อนรับบุคลากรระดับหัวกระทิที่จะมาช่วยกันพัฒนาสถาบันแห่งนี้ให้เจริ¬ญรุ่งเรืองมีชื่อเสียงกว้างขวางต่อไป ผมดีใจที่ได้ต้อนรับพวกท่านจริงๆ” สุดท้ายท่านเน้นว่า “เราจะอยู่กันอย่างพี่อย่างน้อง อยู่กันอย่างครอบครัวที่รักและเอื้ออาทรต่อกัน” อาจารย์ทุกคนปรบมือกราวให¬ญ่และยาวนาน จากนั้นก็มีกิจกรรมที่สร้างความสนุกสนานรื่นเริง เมื่อได้เวลาสมควร ทุกคนจึงแยกย้ายกันกลับ และเหมือนทุกครั้งที่มีงานเลี้ยง ช่วงเช้ามืดจะเห็นฝูงอีกาบินลงมากินเศษอาหารที่ตกหล่นอยู่ในบริเวณนั้น ชั่วครู่ก็บินหายเข้าไปในแมกไม้
เนื่องจากได้รับความประทับใจตั้งแต่เริ่มต้น การทำงานของกลุ่มอาจารย์ใหม่จึงเป็นไปด้วยดีและมีประสิทธิภาพ ทุกคนขยันขันแข็ง สนุกกับการทำงาน รักเพื่อนร่วมงาน รักองค์กรอันเป็นหัวใจของหน่วยงานที่ต้องปลูกฝังให้เกิดขึ้นกับบุคลากรในหน่วยงาน ทั้งนี้เพื่อการพัฒนาองค์กรให้เจริ¬รุดหน้าต่อไป
สำหรับการพัฒนาบุคลากร เมื่อมีโอกาสเหมาะ ทางสถาบันได้จัดให้มีการไปศึกษาดูงานเพื่อนำประสบการณ์ที่ได้รับมาพัฒนาองค์กรต่อไป ซึ่งนอกจากเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้บุคลากรได้รับความรู้แล้วยังสามารถสร้างความสนิทสนมกลมเกลียวและความรักสามัคคีของบุคลากรในองค์กรอีกด้วย จากการประชุมร่วมกันหลายฝ่ายและหลายครั้ง ตกลงกันว่า เราจะไปดูงานที่จังหวัดเลย ซึ่งนอกจากศึกษาดูงานที่สถาบันการศึกษาแล้วเราจะไปพักผ่อนกันที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึงด้วย
และเพื่อให้สามารถศึกษาดูงานได้อย่างคุ้มค่า เราจะออกเดินทางในเวลากลางคืน จะได้ไปถึงที่หมายในตอนเช้าพอดี ส่วนการกลับจะให้ถึงสถาบันไม่เกิน 3 ทุ่ม เพื่อทุกคนจะได้มีโอกาสพักผ่อนพร้อมปฏิบัติงานในวันรุ่งขึ้นต่อไป เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว คืนนั้นประมาณ 4 ทุ่ม พวกเราก็ออกเดินทาง
รถบัสของสถาบันที่นำคณาจารย์ไปศึกษาดูงานออกจากสถาบันไปได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ได้เกิดพายุกระหน่ำสถาบันอย่างรุนแรงโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย เสียงฟ้าผ่าลงมาดังสนั่น ไฟฟ้าดับมืดหมดทั้งสถาบัน เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาพปกติ เจ้าหน้าที่ได้มารายงานความเสียหายเบื้องต้นให้หัวหน้าสถานศึกษาทราบว่า ไม่ปรากฏว่ามีทรัพย์สินเสียหายแต่อย่างใด เพียงแต่ต้นประดูใหญ่ที่ด้านทิศใต้ของตึกแดงหักโค่นล้มลง ที่อ่างน้ำพุหน้าตึกแดงมีอีกาตกลงไปตายสี่ห้าตัว
หัวหน้าสถานศึกษาฟังรายงานจบถึงกับอึ้งไป
รุ่งเช้า ข่าวเรื่องรถบัสของสถาบันที่พากลุ่มอาจารย์ทั้งใหม่และเก่าไปศึกษาดูงานและทัศนศึกษาที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จังหวัดเลย เกิดอุบัติเหตุชนกับรถบรรทุก 10 ล้อ แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว บุคลากรในสถาบันต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างซึมเศร้า อาจารย์ที่ได้รับข่าวสารจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเล่าให้ทุกคนฟังว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. บนถนน สาย 304 กบินทร์บุรี-นครราชสีมา อ.นาดี จังหวัดปราจีนบุรี เป็นเหตุให้อาจารย์เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ที่เกิดเหตุมีรถบรรทุก 10 ล้อ สีเทา บรรทุกเฟอร์นิเจอร์พลิกคว่ำอยู่กลางถนน ห่างออกไปมีรถบัสของสถาบัน สีเหลือง พลิกคว่ำอยู่ข้างไหล่ทางสภาพรถพังยับเยิน เจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจรทั้ง 2 ฝั่งถนนเพื่อให้รถเครนมายกรถบรรทุกที่ขวางถนนอยู่ ทำให้การจราจรเริ่มติดขัด
หน่วยกู้ภัยที่เดินทางมาช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ซึ่งมีเป็นจำนวนมากอย่างโกลาหล การช่วย เหลือเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากเป็นเวลากลางคืน มีผู้บาดเจ็บติดอยู่ในซากรถ กว่าจะลำเลียงออกมาและนำส่งโรงพยาบาลนาดี ได้ทั้งหมดต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง รวมแล้วมีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 8 ราย เบื้องต้นทราบชื่อเพียง 1 ราย คืออาจารย์บุ¬ญมา เงียบเหงา อาจารย์ภาษาไทย
ตั้งแต่เช้ามืด ทางสถาบันได้จัดรถและเจ้าหน้าที่ไปดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลและรับศพอาจารย์ที่เสียชีวิตเพื่อนำมาบำเพ็ญกุศลที่วัดใกล้ๆกับสถาบัน แต่บางศพ¬ญาติได้รับไปบำเพ็ญกุศลเอง บุคลากรทุกคนในสถาบันต่างยุ่งอยู่กับการจัดโน่นเตรียมนี่อย่างฉุกละหุก และแม้จะอยู่ในระหว่างความโศกเศร้าทุกคนก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่โดยไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อย
ช่วง 6 โมงเย็น สมชาย เพื่อนสนิทของผมอีกคนหนึ่งที่อยู่ในเมืองมาเยี่ยมที่สถาบัน เรานั่งคุยกันอยู่ที่ระเบียงหน้าห้องพัก สมชายเอ่ยขึ้นว่า
“ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุ คืนนี้บุ¬ญมากับพวกที่ไปทัศนศึกษาคงจะกลับกันแล้ว”
ผมบอกว่า “ใช่.. แต่ถึงจะเกิดอุบัติเหตุ คืนนี้บุญมากับพวกจะต้องกลับมา”
“พูดเป็นเล่นไป” ไหนลองอธิบายซิ
“สมชายรู้ไหมว่า ความตายคืออะไร”
“ไม่มีใครรู้หรอก เพราะไม่เคยตาย”….
“แต่ที่เขาว่าๆกันก็คือ เมื่อดวงวิญญ¬¬าณรู้สึกว่าร่างกายนี้ไม่สามารถอาศัยอยู่ต่อไปได้ ก็จะออกจากร่างกายไป ความตายคือการเปลี่ยนสภาพหนึ่งไปสู่อีกสภาพหนึ่งเท่านั้น”
“เยี่ยมมาก แล้วถ้าตายด้วยอุบัติเหตุแบบบุญมาละ” ผมถามต่อ
“อ๋อ! เรื่องนี้ฉันอ่านลัทธิโยคีและมายาศาสตร์ของหลวงวิจิตรวาทการแล้ว”
“นี่ไง! หนังสือ ฉันเตรียมมาด้วยเลย เพราะรู้ว่าแกจะถาม”
“ท่านว่าอย่างไรล่ะ”
“เดี๋ยวเปิดดูก่อน..อยู่หน้าไหนนะ” สมชายเปิดหนังสือหาหน้าที่ต้องการ
“เจอแล้ว หน้า 97 อ่านให้ฟังทั้งพารากราฟเลยนะ”…
“ท่านเขียนว่า การตายด้วยอุบัติเหตุ เช่นถูกฆ่าตาย หรือตายด้วยอุบัติเหตุใดๆ ที่ผู้ตายจะไม่รู้ล่วงหน้าเลย ความตายอันนี้เป็นเหมือนความฝัน ซึ่งดวงวิญญาณจะต้องสงสัยสนเทห์อยู่นาน ในกรณีที่ตายโดยอุบัติเหตุ กายทิพย์ต้องพาดวงวิญญาณออกจากร่างธรรมดาด้วยความจำเป็นและโดยรีบร้อน เหมือนบ้านที่ถูกพังทำลาย เจ้าของบ้านต้องรีบหนีออกไป โดยไม่เข้าใจว่าเหตุการณ์อันใดเกิดขึ้น และมักจะวนเวียนกลับมาดูบ้านของตัว ความรู้สึกของดวงวิญญาณในเรื่องเช่นนี้เปรียบได้กับความฝันอย่างแท้จริง เราเคยเกิดความสงสัยสนเท่ห์ในความฝันว่า เรามาอยู่ที่นี่ทำไม มาอยู่ตั้งแต่เมื่อไร และมีเหตุอะไรเกิดขึ้น ดังนี้ฉันใด ดวง วิญญาณของคนที่ตายโดยอุบัติเหตุก็บังเกิดความสงสัยสนเท่ห์ฉันนั้น ความสงสัยเช่นนี้คงมีอยู่หลายวัน และในที่สุดก็ทราบเองว่า ร่างกายของตนได้ทรุดโทรมไปเสียแล้ว”
“ใช่เลย.. ตรงกับที่เราบอกว่าคืนนี้พวกเขาจะกลับมา คือพวกที่ตายจากอุบัติเหตุ ซึ่งคงไม่รู้ว่าตนเองได้ตายไปแล้ว เนื่องจากนอนหลับไปตลอดทาง เมื่อร่างกายแตกสลาย กายทิพย์ก็จะพาดวงวิ¬¬ญญาณออกจากร่างท่องเที่ยวไปตามปกติแบบฝันไป จากนั้นก็จะเดินทางกลับ ตามวันเวลาที่ได้กำหนดไว้ เมื่อกลับมาแล้ว จะพยายามสื่อสารกับคนที่รู้จักมักคุ้น แต่ไม่สามารถสื่อสารกันได้ อาจใช้วิธีเดินชน,ผลักหรือ เขย่ากิ่งไม้ และเมื่อไม่เป็นผลจึงเลิกราไป จะสื่อสารและรวมอยู่เฉพาะกลุ่มพวกของตน ตรงตามที่มีผู้กล่าวว่า”ความตายเป็นเพียงการจากไปสู่โลกจิตวิญญาณซึ่งเป็นบ้านที่แท้จริงหลังความตาย”
“อาจเป็นไปได้” แต่ไม่ค่อยเชื่อ
“คืนนี้พิสูจน์กันไหมล่ะ” ผมชวน
“เชิญ¬ท่านคนเดียวเถอะ ฉันไม่เอาด้วยหรอก” พูดจบสมชายก็รีบขึ้นรถขับออกจากสถาบันไป
คืนนี้ในสถาบันเงียบเหงา เนื่องจากบุคลากรของสถาบันอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจ บางส่วนไปร่วมพิธีสวดศพตามวัดต่างๆที่เจ้าภาพแยกกันไปบำเพ็ญกุศล ส่วนผมอยู่ที่สถาบันเพื่อพิสูจน์ตามความเชื่อที่ว่าในช่วง 7 วันแรกที่ตายหรืออาจจะมากกว่านั้น ดวงวิญญาณของผู้ตายจะยังคงวนเวียนอยู่ตามสถานที่ที่เคยอยู่ และพยายามใช้ชีวิตตามแบบที่เคยปฏิบัติ จากนั้นจุดหมายของวิญญาณหรือความตายจะแตกต่างกันไป ซึ่งสรุปได้ว่าเป็นไปตามกรรม บางวิญญาณอาจจะยังผูกพันติดอยู่กับโลก จะวนเวียนอยู่กับโลกโดยสิงอยู่ตามสถานที่ต่างๆ บางวิญญาณจะตกนรกหมกไหม้ไปทันทีเนื่องจากได้ทำความชั่วช้าไว้เป็นอันมาก และบางวิญญาณจะไปอยู่ในภพภูมิที่เป็นสุข
ในช่วงเวลาตั้งแต่ 2-3 ทุ่มคืนนี้สำคัญมากเพราะเป็นเวลาที่ผมเชื่อว่า ดวงวิญญาณของบุญมากับพวกจะต้องกลับมา และเมื่อต้องอยู่เพื่อพิสูจน์แต่เพียงลำพัง ผมเริ่มรู้สึกกลัว เพราะบรรยากาศภายในสถาบันขณะนี้น่ากลัวเป็นที่สุด
ขณะที่ผมนั่งรอเวลาอยู่ที่หน้าระเบียงห้องพัก ผมนึกถึงบุ¬ญมา เงียบเหงา เขาเป็นคนแรกของผู้เสียชีวิตที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบชื่อ เราเป็นเพื่อนสนิทกันและบรรจุมาสอนที่นี่พร้อมกัน บุญมาสอนภาษาไทย ส่วนผมสอนศิลปะ บุญมาเป็นคนรูปร่างสูง หน้าตาแบบชายไทยในชนบท เป็นคนมีอัธยาศัยไมตรี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ กับเพื่อนๆเขามีความจริงใจเกินร้อย เราพักอยู่ห้องติดกัน ตอนที่จะไปทัศนะศึกษาที่ ภูกระดึง บุญมาชวนให้ไปด้วยหลายครั้ง ชวนแล้วชวนอีก แต่เนื่องจากติดภารกิจที่สำคัญมากจึงไม่ได้ไป ผมไม่กล้าจะคิดต่อไปว่า ถ้าไปกับบุญมาอะไรจะเกิดขึ้น
ผมเริ่มกระสับกระส่าย เมื่อใกล้ถึงเวลาที่กลุ่มอาจารย์ที่ไปศึกษาดูงานจะเดินทางกลับ สักครู่ใหญ่ๆผมเริ่มได้ยินเสียงเหมือนรถบัสวิ่งเข้ามาในสถาบัน เสียงรถจอดที่หน้าสำนักงาน มีเสียงจอแจของกลุ่มอาจารย์ที่พูดคุยกันและเสียงยกข้าวของลงจากรถ เมื่อมีเสียงสุนัขเห่าหอนและเสียงกิ่งไม้ไหว ผมเสียวสันหลังวาบ ครู่หนึ่งผมรู้สึกเหมือนว่ามีใครมาดึงชายเสื้อ ผมสะดุ้ง คิดว่าต้องเป็นบุญมาที่กลับมาห้องพักอย่างแน่นอน แข็งใจฝืนร้องทักด้วยเสียงอันสั่นเครือและแหบแห้ง “บุญมา” แต่ไม่มีเสียงตอบ มีแต่สายลมที่พักผ่านอย่างแผ่วเบา ทำให้เสียววาบไปทั้งตัว
คืนนั้นผมนอนด้วยใจระทึก รู้สึกกลัวบุญ¬มาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่ใจหนึ่งคิดว่า “เมื่อตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เราไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอๆจะต้องไปกลัวทำไม”ในความเงียบสงัดนั้น ผมได้ยินเสียงเหมือนงานเลี้ยงที่ตึกแดงแว่วมา เสียงนั้นทำให้ผมสยองมากยิ่งขึ้น ผมรำพึง “มีการรับน้องใหม่กันรึ ! ”ผมไม่อยากคิดให้ไกลไปกว่านั้น ผมลุกขึ้นมาเปิดไฟทุกดวงเพื่อให้แสงสว่างเป็นเพื่อน จากนั้นก็นอนคลุมโปงหลับตาเพราะกลัว ภาวนาพุทโธเพื่อให้ใจสงบและหลับไปในที่สุด
รุ่งเช้าผมยืนดูฝูงอีกาบินลงมากินเศษอาหารที่ตกหล่นอยู่ที่ลานหน้าตึกแดง ชั่วครู่ก็บินหายกลืนไปกับสีของแมกไม้ ก่อนกลับที่พัก ผมบอกบุญมาว่า “ลาก่อน เพื่อน ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเพื่อนอยู่ที่ไหน ขอให้เพื่อนจงไปอยู่ในภพภูมิที่เป็นสุขเถิด”
…..
boonma

 

Comments are closed.