“เพื่อเรานั่นแหละ ที่ทำร้ายเรา”

จิปาถะ
“เพื่อเรานั่นแหละ ที่ทำร้ายเรา”
ช่วงนี้ได้รับข้อมูลซึ่งเป็นปัญหาของพวกพ้องที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมเกี่ยวกับการเรียนการสอนในสถาบันที่ผมเคยสอน อ่านดูแล้วก็อดนึกย้อนไปถึงตัวเองที่เคยโดนแบบนี้มาก่อนหลายต่อหลายครั้งในขณะที่รับราชการอยู่ทั้งที่อยุธยาและบุรีรัมย์ ซึ่งทุกครั้งที่มีปัญหากับผู้บริหาร ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากผู้บริหารโดยตรง แต่มาจากเพื่อนๆของเราเอง ที่รับใช้ผู้บริหารให้มาเล่นงานเราแบบแรงๆ
ตัวอย่างเช่น เมื่อ ปี 2539 ผมช่วยราชการอยู่ที่ สถาบันราชภัฏพระนครศรีอยุธยา และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม เนื่องจากผมมีโบราณวัตถุที่เป็นสมบัติของแผ่นดินไว้ในครอบครอง ซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่โบราณวัตถุที่ผมมี เป็นเพียงเศษกระเบื้องชายคาของโบสถ์-วิหารที่มีลวดลายที่สามารถใช้ศึกษาได้ เศษกระเบื้องเหล่านี้ตกหล่นอยู่ตามโบราณสถานในเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยาทั่วไป ผมนำกระเบื้องเหล่านั้นเพื่อการเรียนการสอน ซึ่งครูอาจารย์ที่สอนด้านนี้เขาก็มีกันทุกคน มันเป็นอุปกรณ์การสอน ที่ไม่มีราคาค่างวดอะไรมากนัก แต่มันเป็นประโยชน์สำหรับการเรียนรู้ และเนื่องจาผมมีปัญหากับอธิการ ดังนั้นกว่าผมจะได้หลักฐาน ว่าผมสอนวิชานี้ อธิการก็ให้รองฯ ซึ่งก็เป็นเพื่อนผมนั่นแหละโยกโย้ไปมาจนผมนำหลักฐานไปเข้าสำนวนการสอบของตำรวจไม่ทัน แต่ฟ้ามีตาครับ การที่ส่งหลักฐานไม่ทันนั้น เป็นประโยชน์ต่อคดีของผมเป็นอันมาก เพราะทำให้ผมต้องร้องขอความเป็นธรรมไปยังอัยการสูงสุด เป็นผลให้อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาดเพราะหลักฐานบ่งบอกว่าผมถูกกลั่นแกล้ง ก็ทุลักทุเลพอสมควรครับ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็มาจากเพื่อนผมที่ไปรับใช้ผู้บริหารนั้นเอง
ขอยกตัวอย่างให้ชัดเจนอีกสัก 1 ตัวอย่าง ตอนที่ผมเกษียณอายุราชการ ที่สถาบันราชภัฏบุรีรัมย์ เมื่อปี 44 อธิการ ผศ.ดร.ปราโมช เบญจกาญจน์ ได้ให้ รศ.โกวิท เชื่อมกลาง รองอธิการ ซึ่งเคยร่วมต่อสู้กับ อธิการ รศ.วันชัย วัฒนกุล มาด้วยกัน ทำหนังสือแจ้งให้ผมคืนบ้านโดยเร็ว ผมถาม รศ.โกวิท เชื่อมกลางว่า ผมเกษียณได้แค่เดือนเดียวท่านก็ไล่ผมออกจากบ้านพักเสียแล้วรึ คำตอบที่ผมได้ก็คือ ผมขอโทษ แต่ผลก็คือผมต้องรีบออกจากบ้านพักโดยเร็ว และก่อนหน้านี้ เมื่อ ปี 32 เมื่อผมไปช่วยราชการที่ รภ อยุธยา อธิการ รศ.วันชัย วัฒนกุล อธิการฯ ได้ให้ อ. เทียนชัย ให้ศิริกุล ขอคืนบ้านพักโดยเร็วเหมือนกัน ดูซิครับ เพื่อนผมทั้งนั้น แต่ ! ผมอาจคิดผิด ท่านเหล่านั้นอาจจะไม่คิดว่าผมเป็นเพื่อนเขาก็ได้ ใครจะไปรู้ ถึงตรงนี้ผมขอนำเพลง รัก โลภ โกรธ หลง ที่แต่งไว้เมื่อ ปี 32 (ท่อนหนึ่ง) มาให้ฟังครับ
“เจ็บ ปวดเจ็บ เก็บไว้ ไม่มีใคร เข้าใจ ใจเรา เกลียดถูกเกลียด เครียดแค้น ชิงชัง สิ้นหวัง เหมือนดัง เดนคน
รัก ที่จืดจาง โลภ ที่อยากได้ โกรธ ที่เกิดมี หลง เฝ้าเกลียดชัง”
และตอนนี้ สถาบันที่ผมเคยสอนอยู่ มีอาจารย์ที่ผู้บริหารไม่ชอบท่าน ท่านจึงถูกกลั่นแกล้ง ไม่ยอมให้สอนเสียอย่างนั้นแหละ ทั้งๆที่เคยสอนมาตลอด เมื่อท่านไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน เช่น คณะฯ กรรมการบริหารหลักสูตร บัณฑิตวิทยาลัย ซึ่งก็ป่วยการเปล่า เพราะผลลัพธ์ก็ออกมาในรูปแบบเดียวกันกับเรื่องของผม คือ “เพื่อเรานั่นแหละ ที่ทำร้ายเรา” จากการศึกษาเอกสารจะเห็นได้ชัดเจนว่าทุกหน่วยงานทำหน้าที่ไม่งดงาม ไร้ศักดิ์ศรี ที่น่าสังเกตก็คือ ไม่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน อาจารย์ท่านนั้นเขามีตำแหน่งทางวิชาการและวุฒิทางการศึกษา คือ เป็น ผศ.ดร. แต่ท่านพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่ใช้ ดร. ซึ่งถือเป็นการ Discredit กันอย่างน่าเกลียด แต่ที่อุบาทว์ไปกว่านั้น ก็คือ การไม่ยอมรับสิ่งที่เป็นผลิตผลของตนเอง ผมพูดเท่านี้คงเข้าใจนะครับ สำหรับอาจารย์ที่ได้รับผลกระทบในเรื่องนี้ คงต้องทำใจครับ “มนุษย์นั้นเป็นเช่นนี้” ติดอยู่ที่ประโยชน์ มาฟังเพลง รัก โลภ โกรธ หลง (ท่อนสอง) ที่ผมแต่งไว้เมื่อ ปี 32 อาจทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง ครับ
เก็บ เก็บไว้ หัวใจที่ชิงชัง มุ่งหวังหนทาง สร้างสรรค์
รัก ก็เกิดมี โลภ ที่เหือดหาย โกรธ ที่หยุดได้ หลง แต่สร้างสิ่งดี”
……..
friend