อาจต้องตบกะโหลก

 
จิปาถะ
อาจต้องตบกะโหลก
ทุกวันหลังจากโพสต์จิปาถะไปแล้วสักระยะเวลาหนึ่ง ผมก็จะมาเปิดดูว่ามีใครกด Like หรือ มีใครแสดงความคิดเห็นบ้าง สำหรับผู้ที่แสดงความคิดเห็นเป็นประจำก็มีท่าน ผศ.นิพนธ์ ทวีกาญจน์ คุณลัดฟ้า สาพันธ์ คุณWiroonya Panarat คุณ Eamsuk Wirot และคนอื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้ผมได้อะไรต่อมิอะไรเพิ่มเติมความคิดขึ้นอีกเป็นอันมาก ตัวอย่างเช่น คุณ ชวัลวิชญ์ วรรธนะสูตร แสดงความคิดเห็นมาหนึ่งบรรทัด ทำให้ผมเขียน จิปาถะได้ถึง 2 ตอน ขอขอบคุณจริงๆ แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ได้กำลังใจจากเพื่อนๆให้บ้าเลือดต่อไปครับ

ผมไม่ทันได้อ่านว่าท่าน ผศ. นิพนธ์ ทวีกาญจน์ ได้แสดงความคิดเห็นว่าอะไร ใน จิปาถะ เรื่อง ความกตัญญู ที่ผมโพสต์เมื่อ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2557 เพราะท่านลบไปเสียก่อน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าเมื่อมีเสียงทักท้วงผู้ที่เป็นนักวิชาการก็จะรับฟัง และเปลี่ยนแปลงแก้ไขไปตามความเหมาะสม ไม่ใช่ดื้อรั้นไม่ฟังเสียงใคร สิ่งที่ ผศ.นิพนธ์ ทวีกาญจน์ ปฏิบัตินั้นเป็นคุณสมบัติของบัณฑิต ผมขอชื่นชมด้วยความจริงใจครับ

ความจริงแล้ว “นางแต้ม” นั้น ไม่มีตัวตนแต่อย่างใด เป็นเพียงสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายในรูปแบบต่างๆ ซึ่งพวกเรากำลังนำคุณธรรมจริยธรรมเข้าไปจับ สอนหรือแนะนำเพื่อได้แก้ไขปรับปรุงให้ถูกต้องเหมาะสม ดังนั้น เมื่อมันเป็นเรื่องของการสอน ก็จะมีหนักบ้างเบาบ้างเป็นธรรมดา ขึ้นอยู่กับวิธีสอนของแต่ละคน และพฤติกรรมของผู้ที่ถูกสอน บางครั้งถ้าผู้ถูกสอนซื่อบื้อนัก อาจต้องตบกะโหลกเอาบ้างก็ต้องทำ เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือสร้างคุณลักษณะที่พึงประสงค์คือมีคุณธรรมจริยธรรม อันเป็นเรื่องของความดีงาม

ที่กล่าวมานั้นเป็นทรรศนะ อาจแสดงขี้เท่ออะไรไปบ้าง ก็ไม่เป็นไร เมื่อมีใครทักท้วงก็จะแก้ไขปรับปรุงครับ
รับรองไม่ดื้อรั้นอย่างนางแต้มแน่นอน

tam

 

Comments are closed.