ยาระบาย

ratss

จิปาถะ
ยาระบาย
แต่ก่อนๆ นานมาแล้ว องค์กรของเราจะมีผู้บริหารที่ได้รับการแต่งตั้งมาจากส่วนกลาง ทั้งนี้เพราะส่วนกลาง ไม่ต้องการให้เราเลือกผู้บริหารกันเอง เพราะคิดว่าพวกเรายังโง่เง่าเต่าตุ่น ไม่รู้เต่ารู้แลนอะไรทำนองนั้น จึงต้องส่งผู้บริหารมาปกครองเรา

ดังนั้น บางสมัยเราได้ผู้บริหารที่เป็นคนดีมีศีลธรรม มีเมตตาธรรม เราก็จะมีความสุข สมัครสมานสามัคคี ร่วมกันทำงานทำการอย่างสนุกสนาน สามารถพัฒนาองค์กรของเราให้เจริญก้าวหน้ามีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปได้

แต่บางสมัย เราได้ผู้บริหารที่ขาดคุณธรรม หลงอำนาจ ใช้อำนาจข่มขู่ขมเหงให้เรากลัว พวกเราก็เดือดร้อน เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง แตกสามัคคีกัน แบ่งเป็นพวกเป็นฝ่าย การงานก็ติดขัด ซึ่งถ้าไม่หนักหนาสากรรจ์มากนักเราก็จะทนๆกันไป แต่ถ้าสาหัสมากเกินกว่าที่เราจะรับได้ เราก็พากันเรียกร้องขอให้เปลี่ยนผู้บริหารคนใหม่มาให้เรา ซึ่งก็พอจะมีผลสำเร็จอยู่บ้าง ผู้บริหารคนใหม่ที่ได้มา แรกๆก็จะเอาอกเอาใจเรา เพราะกลัวเราไม่พอใจ ก็หลอกเราอยู่ระยะหนึ่ง แต่นานไปก็จะเข้าอีรูปเดิม หาคนที่รักองค์กรอย่างแท้จริง ยากกกก

แต่ในปัจจุบัน ได้มีการกระจายอำนาจจากส่วนกลางมาสู่ส่วนภูมิภาค เราเริ่มมีโอกาสที่จะเลือกผู้บริหารของเราเอง เป็นผลให้พวกเราสามารถเลือกเพื่อนพ้องน้องพี่ของเราที่เป็นคนดี มีความสามารถ เป็นผู้นำของเรา นำเราไปสู่เป้าหมาย คือสร้างองค์กรของเราให้มีศักยภาพเป็นที่ยอมรับ เป็นสถาบันการศึกษาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างแท้จริง เราฝันของเราอย่างนั้น

แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ อำนาจที่ว่านั้นมันไม่ได้ตกลงมาถึงพวกเราอย่างแท้จริงหรอก เพราะได้เกิดกลุ่มผู้บริหารที่รวมหัวกันรักษาอำนาจนั้นไว้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์เฉพาะพวกตน คิดค้นกติกาเพื่อให้อำนาจอยู่เป็นของตนเองตลอดไป บางแห่งสามารถสร้างเครือข่าย วงจรอุบาทขึ้นในการสรรหาผู้บริหาร ดังนั้น ที่ว่าท่านสามารถเลือกผู้บริหารได้เอง ก็เป็นแต่เพียงคำหวานเท่านั้น เพราะเขาจะไม่ยอมใช้วิธีการเลือกตั้งโดยตรงแต่จะใช้วิธีสรรหา ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะกลุ่มผู้บริหารต้องการรักษาอำนาจของตนเองและพวกพ้องไว้ ขืนปล่อยให้พวกเราเลือกโดยตรงก็จบกันซิครับ

ดังนั้น การเลือกตั้งผู้บริหารจึงเป็นระบบผูกขาดของกลุ่มผู้บริหาร พวกเราเป็นแต่เพียงตัวประกอบเท่านั้น เปรียบเหมือนการประกอบการธุรกิจ ระบบคนกลางได้เข้ามาฉกฉวยผลประโยชน์ด้วยการผูกขาดการเลือกตั้งเสียเอง มันเป็นวงจรอุบาทจริงๆ อุบาทยิ่งกว่าที่เลือกตั้งมาจากส่วนกลางเสียอีก เพราะพวก“กรรมการ”มันค้ำจุนผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน พวกนี้เปรียบได้กับหนู ซึ่งเป็นสัตว์เจ้าเล่ห์สกปรกและน่ารังเกียจ ปกติของหนูก็คือวิ่งไปข้างโน้นวิ่งไปข้างนี้ ก็ด้วยหวังต่ออาหาร เช่นเดียวกับนกนางนวล ซึ่งปกติทุกเช้าจะออกแสวงหาอาหาร ยินดีมีสุขด้วยอาหาร ในขณะเดียวกันก็ทะเลาะวิวาทจิกตีกันด้วยเรื่องอาหาร ดังนั้นเพียงเปลี่ยนคำว่าอาหารเป็นคำว่าผลประโยชน์ ความหมายของคำว่า “กรรมการ” ก็จะสมบูรณ์

กล่าวได้ว่า กลุ่มผู้บริหารคือกลุ่มคนกลาง ซึ่งเป็นพวกเดียวกัน แต่งตั้งกันขึ้นมาเพื่อสนับสนุนค้ำจุนกัน และกลายเป็นกลุ่มอำนาจที่เลือกผู้บริหารให้เรา ท่านรู้หรือไม่ว่า มูลค่าการต่อรองตรงนี้สูงมากแค่ไหน บางคนหลีกทางกันด้วยเงื่อนไขการต่ออายุราชการให้ หรือ หาตำแหน่งผู้บริหารหรือที่ปรึกษาให้ เท่าที่ทราบ ช่วงที่มีการสรรหาผู้บริหารนั้น หากกรรมการท่านใดเกิดจัดงานอะไรขึ้นมา ท่านอาจจะได้รับซองช่วยงานที่มีมูลค่าเป็นแสน ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ ส่วนพวกลิ่วล้อก็จะได้เศษเหลือเศษเลยเป็นกระสายยา พูดแค่นี้แหละ เพราะมันสกปรกเกินกว่าที่จะรับรู้

แต่ที่เจ็บปวดมากๆก็คือ แต่ก่อนเราได้ผู้บริหารที่มาจากส่วนกลาง ดีบ้าง ชั่วบ้าง เราก็ทนกันไปได้ แต่เดี๋ยวนี้เราได้ผู้บริหารที่ว่ากันว่าเราเลือกเอง ซึ่งเป็นเพื่อนเรา เคยกินเล่นกับเรา อดอยากยากแค้นมาด้วยกัน สนิทสนมกันเหนียวแน่นยังกับตังเม แต่พอได้รับเลือกให้เป็นผู้บริหารแทนที่จะสนับสนุนเรา กลับมาเล่นงานเราเสียนี่ เจ็บปวดเป็นที่สุดเกินกว่าที่จะทนได้จริงๆ ฉะนั้น ถ้าได้คนแบบนี้ ก็ต้องไล่มันออกไปเท่านั้น
………….