นิทานเรื่องเจ้าชายเมตตา

sky

จิปาถะ
นิทานเรื่องเจ้าชายเมตตา
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพระราชาองค์หนึ่ง พระองค์เป็นยอดนักรบ จึงสามารถปกครองประเทศด้วยความร่มเย็นเป็นสุข ไม่มีประเทศอื่นใดมารุกราน แต่ว่าโอรสของพระองค์มิได้เป็นนักรบ แต่เป็นผู้ที่มีใจเมตตา ประชาชนถวายพระนามพระโอรสว่า “เจ้าชายเมตตา”
พระราชายอดนักรบทรงกังวลพระทัยว่าประเทศชาติบ้านเมืองจะไปไม่รอด ได้ทรงปรึกษากับอำมาตย์ซึ่งก็ได้ให้ความเห็นว่า การที่พระโอรสของพระองค์ไม่สนพระทัยการปกครองบ้านเมือง เพราะยังไม่รู้สึกว่าพระองค์เป็นผู้ใหญ่ ยังไม่มีพระชายา จึงไม่มีอะไรที่พระองค์จะต้องรับผิดชอบ จึงเห็นควรให้พระโอรสมีพระชายา พระราชายอดนักรบทรงเห็นด้วยกับอำมาตย์ จึงได้จัดงานวันเกิดของพระโอรส และได้เชิญเจ้าหญิงจากเมืองอื่นๆมาร่วมงาน
แผนการนี้สำเร็จ พระโอรสทรงสนพระทัยเจ้าหญิงองค์หนึ่งและต้องการจะเศกสมรสด้วย แต่มีปัญหาอยู่ที่ว่าเจ้าหญิงองค์นี้มีเจ้าชายมาชอบหลายองค์ ดังนั้นจะยกให้เจ้าชายองค์ใดองค์หนึ่งก็ไม่ได้ เพราะจะขัดใจกัน จึงได้จัดให้มีการประลองฝีมือกันเพื่อหาเจ้าชายที่มีความสามารถ
กิจกรรมการประลองก็มีหลากหลาย ความสามารถก็ใกล้เคียงกัน กิจกรรมสุดท้ายคือ เจ้าชายจะต้องขี่ช้างตกมัน
ปรากฏว่าไม่มีเจ้าชายองค์ใดทำได้ เพราะเพียงเข้าใกล้ช้างก็ไม่กล้าแล้ว
แต่เจ้าชายเมตตาได้ใช้วิธีแผ่เมตตาจิต นอบน้อมเพื่อหวังให้ช้างเมตตา พระองค์เดินเข้าไปใกล้ช้าง และกล่าวว่า
“ช้างเอ๋ย ! เราต่างก็เกิดมาเป็นสัตว์โลกด้วยกัน ท่านเป็นสัตว์ที่มีร่างกายใหญ่โต ข้าพเจ้าเป็นสัตว์ที่มีร่างกายเล็กกว่าท่านมาก ท่านเป็นผู้ที่มีฤทธิ์อำนาจและพลังกายเหนือสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ขอให้ท่านจงมีใจกว้าง ใจใหญ่ ให้สมกับร่างกายของท่านด้วยเถิด ข้าพเจ้านี้เป็นผู้มีจิตใจเป็นมิตร มีเมตตาจิตแก่เพื่อนร่วมโลกทั่วไป ข้าพเจ้ามีใจเป็นมิตรต่อท่าน ขอให้ท่านมีใจเป็นมิตรต่อข้าพเจ้าเช่นเดียวกัน ขอให้ท่านจงมีเมตตาจิตกรุณาให้ข้าพเจ้าขี่ท่านสักครั้ง เพื่อความหวังของข้าพเจ้าที่จะได้แต่งงานกับเจ้าหญิงจะได้ประสบผลสำเร็จ การขี่ท่านครั้งนี้ ข้าพเจ้ามิได้มีจิตใจดูถูกดูหมิ่นท่าน ข้าพเจ้าไม่มีเจตนาที่จะอวดให้คนทั้งหลายเห็นว่าข้าพเจ้ามีอำนาจเหนือตัวท่าน ขอได้โปรดให้อภัยในการที่ข้าพเจ้าจะขึ้นขี่ท่านด้วยเถิด เทพเจ้าทั้งหลายย่อมเป็นพยานได้ดีว่าข้าพเจ้าเป็นผู้ที่มีเมตตาจิตแรงกล้า และวาจาที่ข้าพเจ้าได้กล่าวนี้ก็เป็นวาจาที่ซื่อสัตย์สุจริตทุกประการ ขอเทพเจ้าทั้งหลาย ได้โปรดดลบันดาลให้ช้างมีเมตตาจิตแก่ข้าพเจ้าเช่นเดียวกันด้วยเถิด”(พร พิทยา.13-14)
ปรากฏว่าช้างเกิดเมตตาคุกเข่าลงให้เจ้าชายเมตตาขึ้นไปประทับบนคอช้าง เป็นอันว่าจบเรื่อง

ที่นี้ลองนำเอาวิธีการของเจ้าชายเมตตา มาใช้กับสถานการณ์ที่บางท่านต้องการขอย้ายไปทำงานที่บ้านเกิด จะได้อยู่ใกล้มารดา บิดาและบุตรภรรยาดูบ้าง โดยใช้ข้อความเดิมแต่เปลี่ยนสรรพนามและเรื่องราวเสียใหม่ อาจสำเร็จก็ได้ แต่ข้อสำคัญท่านต้องเป็นคนมีเมตตาด้วยนะ วิธีการก็คือ ท่านค่อยๆเดินไปที่หน้าห้องทำงานของผู้บังคับบัญชาของท่าน และกล่าวว่า

“นางแต้มเอ๋ย ! เราต่างก็เป็นข้าราชการหรือพนักงานของรัฐเช่นเดียวกัน ท่านเป็นผู้บังคับบัญชา ข้าพเจ้าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ท่านเป็นผู้ที่มีอำนาจมากกว่าใครในหน่วยงานนี้ ขอให้ท่านจงมีใจกว้าง ใจใหญ่ ให้สมกับตำแหน่งหน้าที่ของท่านด้วยเถิด ข้าพเจ้านี้เป็นผู้มีใจเป็นมิตร มีเมตตาจิตแก่เพื่อนร่วมโลกทั่วไป ข้าพเจ้ามีใจเป็นมิตรต่อท่าน ขอให้ท่านมีใจเป็นมิตรต่อข้าพเจ้าเช่นเดียวกัน ขอให้ท่านมีเมตตาจิตกรุณาให้ข้าพเจ้าได้ย้ายโดยสับเปลี่ยนตำแหน่งด้วย เพื่อความหวังของข้าพเจ้าที่จะได้กลับไปอยู่กับครอบครัวจะได้ประสบผลสำเร็จ การขอย้ายครั้งนี้ ข้าพเจ้ามิได้มีจิตใจดูถูกดูหมิ่นท่าน ข้าพเจ้ามิได้มีเจตนาที่จะอวดให้คนทั้งหลายเห็นว่าข้าพเจ้ามีอำนาจเหนือตัวท่าน ขอได้โปรดให้อภัยในการที่ข้าพเจ้าจะได้ขอความเมตตาจากท่านด้วยเถิด เทพเจ้าทั้งหลายย่อมเป็นพยานได้ดีว่าข้าพเจ้าเป็นผู้ที่มีเมตตาจิตแรงกล้า และวาจาที่ข้าพเจ้าได้กล่าวก็เป็นวาจาที่ซื่อสัตย์สุจริตทุกประการ ขอเทพเจ้าทั้งหลาย ได้โปรดดลบันดาลให้ท่านมีเมตตาจิตแก่ข้าพเจ้าเช่นเดียวกันด้วยเถิด”
แล้วก็เดินเข้าไปพบ ได้ผลอย่างไรอย่าลืมมาเล่าให้ฟังด้วยก็แล้วกัน

อ้างอิง
พร พิทยา.(ม.ป.ป.).นิทานเพื่อนใจ.กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์บรรณาคาร.

Comments are closed.