วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม 2564
จิปาถะ เรื่องสั้น โจรปล้นเงินเดือน (รอติดคุก)
25
3)เรื่องที่ผมเขียนเมื่อวานก่อนนี้ คงทำให้พนักงานมหาวิทยาลัยที่ตกเป็นเหยือของนางแต้มคลายเครียดลงได้บ้าง ดูในบล๊อกเห็นรื่นเริงสนุกสนานกันดี แต่ในขณะเดียวกัน ก็คงทำให้พวกรองอธิการบดีฝ่ายต่างๆที่ได้รับเงินประจำตำแหน่งไปแล้ว และใช้หมดไปแล้ว เครียดไปตามๆกัน แต่ถ้า “ไม่รู้สึก” ก็แสดงว่าเป็นพวกเดียวกับกรรมการสภาฯ คือไม่ใช่คน เป็นเดรัจฉาน เป็นเปรต เป็นอสุรกาย หรือเป็นสัตว์นรก
แต่สำหรับนางแต้มคงเครียดหนัก เพราะพนักงานมหาวิทยาลัยที่ฟ้อง หรือคู่แฝดหญิงผู้กล้า ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งสภามหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ที่แต่งตั้งนางให้รักษาการอธิการบดี เพราะเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย ตรงนี้แหละสำคัญ
ยิ่งมีเสียงซุกซิบกันว่า นางแต้มจ้างนักบัญชีมาทำบัญชีรายรับรายจ่ายด้วยแล้ว จึงเชื่อได้ว่ากำลังหาตัวเลขว่าจะต้องคืนเงินหลวงสักเท่าไร ในขณะที่แอบอ้างเป็นรักษาการอธิการบดีอยู่ 4 ปี
มีเสียงบอกว่าไม่ใช่ ป.ป.ช. กำลังตรวจสอบว่ารวยผิดปกติต่างหาก จ้างนักบัญชีมาเพื่อตบแต่งบัญชีให้ถูกต้อง 555 “อาญชญากรย่อมทิ้งร่องรอยไว้เสมอ”
4) เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว มีการประชุมสภาฯ มีสิ่งบอกเหตุว่า สภาฯเริ่มรู้สึกกลัวติดคุก มีการตรวจสอบบางเรื่องที่ไม่แน่ใจ ลงมติไปแล้วก็มาเปลี่ยน ส่วนนางแต้มก็หาย “ซ่า” ไป หลังจากกลับจากวิ่ง 1000 เมตร เพื่อหวังจะได้โปรดเกล้าฯ โดยหารู้ไม่ว่า ฝ่ายตรงข้ามได้ได้ส่งหนังสือคัดค้านไปก่อนล่วงหน้าแล้ว ดังนั้น เรื่องโปรดกล้าฯน่าจะพับฐาน
ที่นี้ลองมาเปรียบเทียบสถานการณ์ตอนนี้ของนางแต้มกับสภามหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ ซึ่งร่วมกันกระทำความผิด เหมือนลงเรือลำเดียวกัน หนีไปไหนไม่ได้ แบบเรือโดยสารขนาดใหญ่ อาร์เอ็มเอส ไททานิก (RMS Titanic) ที่แล่นชนภูเขาน้ำแข็ง จมลงใต้มหาสมุทรแอ็ดแลนติก เมื่อปี ค.ศ. 1912 ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 1,514 คน ซึ่งทุกคนไม่สามารถหนีไปไหนได้ นอกจากนั่งรอความตายอยู่บนเรือ
กรณีนางแต้มกับนายกสภาและกรรมการสภามหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ก็เช่นเดียวกัน หนีไปไหนไม่ได้ ก็ได้แต่นั่งรออยู่ จะต่างกันก็ตรงที่รายการมหาวิทยาลัยสารขัณฑ์นี้ไม่ได้รอความตาย “แต่รอติดคุก”
….