วันอาทิตย์ที่  16   มกราคม 2565

จิปาถะ  เรื่องสั้น เหตุเกิดที่กำแพง (ลั่นกลองชัย)                                          

16

“#ขอเชิญร่วมสู้ไปด้วยกัน  #ขอบคุณทุกกำลังใจ #สู้เพื่อความถูกต้อง   #ยืนหยัดเพื่อความเป็นธรรม”

มาแล้วครับ มาตามคำเรียกร้อง ประชาคมชาวมหาวิทยาลัยกำแพงมณี ที่รักความเป็นธรรม  นัดหมายกัน แต่งชุดดำ วางดอกไม้ไว้อาลัยหน้าตึกสำนักงานอธิการบดี เพื่อแสดงอารยะขัดขืน ต่อความไม่ชอบธรรมของสภามหาวิทยาลัย ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565 เป็นต้นไป

ส่วนท่านสายฟ้า แคนดิเดต อธิการบดีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ได้ทำหนังสือคัดค้านมติสภาเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2564 ฟ้องศาลปกครอง และได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.กำแพงมณีแล้ว ท่าน เรียนประชาคมชาวกำแพงมณีและแม่สอดว่า”

“ผมขอยืนหยัดเพื่อเป็นตัวอย่างถึงการไม่ยอมแพ้  ผมจะขอต่อสู้เพื่อสร้างความเจริญงอกงามทางสติปัญญาให้เกิดแก่ชาว ม.กำแพง”  ก็ขอเป็นกำลังใจให้ครับผม….

กลับมาที่ ม. สารขัณฑ์  ข่าวว่า ติ่มซำ พยานปากเอกของนางแต้มคดีฟ้องอาจารย์และพนักงาน ในข้อหาหมิ่นประมาท แว่วๆมาว่านางติ่มซำ ตอแหล๋โดยไม่กลัวคำสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น เจ้าพ่อหลักเมือง พระสุภัทรบพิตรบนเขากระโดง ดีไม่ดีอาจโดนข้อหาเป็นพยานเท็จ และวันที่ 15 กพ. 65 นางติ่มซำก็จะถูกทนายซักต่ออีก  

เรื่องเป็นพยานเท็จนี้ ผู้สันทัดกรณีนำข้อกฏหมายมาเตือน ขอให้ฟังไว้ “ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 ผู้ใดเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ถ้าความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ได้กระทำในการพิจารณาคดีอาญา ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาทมาตรา 177 ผู้ใดเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ถ้าความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ได้กระทำในการพิจารณาคดีอาญา ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท

นางติ่มซำเป็นพยานเท็จในคดีอาญาก็มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปีและปรับไม่เกิน 140,000 บาท ขอแสดงความยินดีกับสามีนางติ่มซำด้วย ที่จะได้เป็นโสดอีกครั้ง เป็นไปตามแผนที่วางไว้”

“รู้ลึกจัง”

…..