จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่กำแพง (จะบ้าตาย)

วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2564 

จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่กำแพง (จะบ้าตาย)

28

วันนี้ขอเริ่มด้วยเรื่องขำ/ขัน “ประชุม ITA ร่างแผนปฏิบัติการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบและส่งเสริมจริยธรรม  วันที่ 27 ต.ค. 64 ห้องประชุม ชั้น 4 เวลา 09.00 น.

มีเสียงแว่วมาว่า  “ปราบปรามจากภายใน ก่อน!!….” ตามด้วย “แล้วกระบวนการสรรหาอธิการใช้วิธีการคดโกงหรือซื่อตรงครับ” ผมไม่รู้ว่าประชุมกันที่ไหน เดาเอาเองก็แล้วกันนะครับ

ต่อไปเป็นความเห็นของ คุณ พี.พี “ขอเชียร์ว่า “อย่าถอย” ค่ะพวกท่าน ถ้าเห็นว่าทำกันถูกต้องแล้วก็ไปให้สุดเลยค่ะ แล้วจะหยุดที่ศาลไหนก็จะคอยติดตามดูนะคะ” ความเห็นนี้คงจะหมายถึง จำเลยทั้ง 10 ท่าน (รวมดาว) ซึ่งผมเดาเอาว่า ตอนนี้คงหน้าดำคร่ำเครียด จากคำเตือนของผมบ้าง คุณ พี.พี บ้างและจากผู้สันทัดกรณีบ้าง ที่สำคัญจากคนในครอบครัว ซึ่งน่าหนักใจมากกว่า เพราะทุกวันต้องตอบคำถามง่ายๆว่า “ทำไม่พ่อต้องไปยุ่งกับเขาด้วย?”  “ทำไมปล่อยให้ถึงโรงถึงศาล?”และทำไม? ทำไม?  ซึ่งตอบยากมาก ผัวถาม เมียถาม ก็พอทำเนา ยังให้ลูกมาถามอีกด้วย  จะบ้าตายอยู่แล้ว”  

ความจริงผมน่าจะเลิกเตือนพวกเขาได้แล้วนะ  เพราะเขาไม่มีทางเชื่อหรอก แถมสมน้ำหน้ากระลาหัวเจาะด้วย  “แก่จะตายอยู่แล้ว ยังจะมาเตือนคนโน้นคนนี้อีก ไม่ได้เรื่องได้ราว”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า แต่ผมเหมือนนาฬิกา เครื่องมือบอกเวลา แบตหมดก็หยุด ผมเป็นเครื่องเตือนภัย เตือนไปเรื่อยๆ แบตหมดก็หยุดเหมือนกัน วันนี้ก็อยากจะเตือนคุณปอสิตว่า…

การเป็นผู้บริหารนั้นดี เพราะนอกจากจะมีโอกาสได้ใช้ความรู้ความสามารถทำงานเพื่อพัฒนามหาวิทยาลัยให้เจริญรุ่งเรื่องได้แล้ว  ยังมีเรื่องดีๆทำให้คนที่นั่นอีกด้วย  แต่มาเป็นอธิการตอนที่กำลังมีเรื่องขัดแย้งกันนี่ไม่ดีแน่ ทำอะไรก็จะผิดหมด เพราะผู้บริหารเป็นบุคคลสาธารณะ การถูกตรวจสอบเป็นเรื่องปกติ ยิ่งครอบครัวประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยด้วยยิ่งอันตราย  เพราะฝ่ายตรงข้ามจะทำตัวเป็นนักโบราณคดี ขุดทุกอย่างที่ขวางหน้า ดีไม่มีจะพากันติดคุกไปด้วยกันทั้งคู่ แบบเดียวกับ  “คดี ‘รศ.ดร.’ ม.เชียงใหม่ ทำสัญญาจ้าง ‘เมีย’ เบิกเงินเท็จ -คุก 15 ปี!”

“ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา รศ.ดร. บัณฑิต ณ ลำพูน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ระดับ 9 ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เบิกจ่ายเงินโครงการศูนย์บริการข้อมูลเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (RISE-AT) ให้แก่ตนเอง-เมีย ทั้งที่ไม่มีสิทธิ  ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนลงโทษจำคุก 15 ปี คืนเงิน 671,000 บาท แก่ผู้เสียหาย (https://www.samapan-thainews.com/4230)

“กลัวไหมล่ะ คุณปอสิต แล้วจะเตือนมาบ่อยๆนะครับผม”

….

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *