จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์  (ส่งท้ายปีเก่า)

วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2565

จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์  (ส่งท้ายปีเก่า)

จิปาถะขอส่งท้ายปีเก่า 2565 ด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่เจ็บปวดของผู้คนที่ ม.สารขัณฑ์ โดยมี นางแต้ม ตัวละครของคม หัก ศอก เป็นอธิการบดี  (The destroyer ) ซึ่งถือได้ว่า เป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของ ม.ที่ก่อกำเนิดมาย่างเข้าปีที่ 51 และตั้งแต่วันพรุ่งนี้ 1  มกราคม  2566  เป็นต้นไป นางแต้ม อีชั่วร้ายหรืออีตัวทำลาย ก็จะเริ่มลื่นไถล “หกหก” ตกกระป๋อง ไปสู่คุก เพื่อเตรียมตัวลงนรกอเวจีแบบไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิดมาก่อกรรมทำเข็ญกับผู้คนอีกต่อไป

ขอเริ่มด้วยความรู้สึกจากหัวใจที่เจ็บปวดของหญิงกล้าหลังจากไปกราบขอพรแม่ช่วงก่อนปีใหม่ “กราบลาผู้ให้กำเนิด…ไม่รู้จะอีกนาน .ไหม…กำลังใจที่ลูกมีเหลืออยู่เท่านี้ ..ในวันที่ลูกล้ม..ยังมีแม่คอยโอบกอด..ชีวิต..แสนสั้น  เรื่องบางเรื่อง…ลูกพูดไม่ได้ ..จะทำให้แม่มีความสุข…เท่าที่จะทำได้ ..ไม่ยากให้เป็นภาระของใคร…ขอให้แม่สบายใจ…เห็นรอยยิ้ม…เห็นคำอวยพร..ที่ออกมาจากใจ…ถ้าวาสนาเรามีต่อกัน…ขอให้หนูผ่านพ้นวิกฤต..ให้ได้..แล้วลูกจะกลับไป..” น้ำตาซึมครับ

และจากหัวใจอีกดวงหนึ่งที่เจ็บปวดพอกัน คุณนภัส บอกว่า “เล่าสู่กันฟังค่ะ งานเลี้ยงปีใหม่ของ ม.เมื่อวาน   ห่วยแตกที่สุดเท่าที่เห็นมาตั้งแต่หนูมาบรรจุอยู่ที่นี่  ของขวัญชิ้นใหญ่สุดคือกระเป๋าลาก เพื่อนที่นั่งร่วมโต๊ะกับหนูได้ผ้าห่ม พอเห็นของพากันเบ้ปากเพราะผ้าปูที่นอนให้หมาดีกว่า ไม่มี ทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า จักรยาน ฯลฯ เหมือนทุกๆปี แล้วไอ้ที่ใส่แบ็งค์ 20,50 บาท มาในสมุดโน๊ตอย่าใส่มาเลยดีกว่าอายหมา และที่ประเด็นสำคัญคือ ม.ให้หนูนำของขวัญเข้าร่วมงาน หนูก็หอบไป แต่สุดท้ายถึงเวลามอบ”อีนี่” ไม่ถูกเชิญของขวัญหนูยังวางอยู่ หนูให้เพื่อนร่วมโต๊ะช่วยไปเอาของขวัญลงมาให้หนูแล้วหนูก็ดึงโบว์ออกทิ้งตรงนั้น แล้วก็กลับ อ้อ!เกือบลืมฝากถึงคนที่สาระแนอ่านให้จบนะคะโดยเฉพาะตรงประเด็นสำคัญ อย่าใช้อีพวกขี้ข้าชอบเลียโทรมาต่อว่ากูอีก เดี๋ยวเจอสวน อย่าเห็นว่ากูตัวเดียว ขอโทษนะคะอาจารย์ที่กินพื้นที่ไปมาก คือ คณบดีเขาเห็นข้อความที่หนูคุยกับอาจารย์เรื่องของขวัญเขาข้องใจก็เลยให้ขี้ข้าโทรมาถามเชิงต่อว่า หนูขอถามทุกๆ ท่านนะคะหนูทำผิดอะไร”

และเสริมว่า อ้อ! ลืมอีกอย่าง ของขวัญที่จะมอบให้ผู้อื่น กรุณาควักเงินตัวเองเถอะ อย่าใช้เงินหลวงไปซื้อมาเลย ไม่ได้โง่มากพอที่จะไม่รู้ มันทำไม่เนียน ทีหลังก็ให้ทางห้างเขาใช้กระดาษห่อของขวัญลายต่างกันหน่อย ไม่ใช่เหมือนกันเป็นทีม เช่นเดียวกันกับซื้อพวงหรีดแล้วใส่ชื่อตัวเอง อย่าคิดว่าไม่มีใครรู้อย่างน้อยก็ผู้ตายแหละ 1 ที่รู้”

ซึ่ง ผศ.ดร ชลิดา ภัทรศรีจิรากุล ปลอบใจให้ว่า “หนูไม่ได้ทำอะไรผิด แค่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกใจ ก็เท่านั้นเอง บรรยากาศการทำงานในองค์กร ไม่เป็นไปตามหลักการจัดการของ Jack Welch”

และ ผศ.ดร.La Ph บอกว่า  “โรค “ความเกลียดและความกลัวนางแต้ม” ที่เกิดขึ้นใน ม.สารขัณฑ์ เป็นโรคอุบัติใหม่ น่ากลัวยิ่งกว่าโรคติดต่อร้ายแรงใดๆ คงเกิดขึ้นที่นี่ที่เดียวในโลก ไม่น่าเชื่อว่านางจะสามารถสร้างความเกลียดและความกลัวให้ผู้คนได้มากมายขนาดนี้ ถือว่าเป็น “ยุคมืด ยุคต่ำสุดของคุณธรรม ยุคแห่งความทุกข์เข็ญของเพื่อนร่วมงาน” ตอนนี้ก็ย่างเข้าปี 10 ที่นางได้เหยียบย่ำผู้คนที่ไม่ยอมก้มหัวให้นาง และก็จะทำแบบนี้อย่างย่ามใจจนครบ 12 ปี ที่นางจะอยู่ในตำแหน่ง…น่าเห็นใจน้องๆทุกคนที่ถูกกระทำ ขอให้สู้กับเลวร้ายเหล่านี้ให้ได้ และหวังว่าสักวันฟ้าสีทองผ่องอำไพจะเกิดขึ้นเหนือแผ่นดินของ ม.สารขัณฑ์ค่ะ”

ซึ่ง อาจารย์ Kittipoom บอกว่า “น่าสงสาร และเวทนา ในความโชคร้ายที่ประสบชะตากรรมที่ไม่ควรเกิดกับใครทั้งสิ้นครับ”

….

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *