จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์ (ผู้เฒ่าเล่าเรื่องตัวเอง)
ในอดีต อาจารย์ที่สอนในวิทยาลัยครู มีรายได้จากเงินเดือนอย่างเดียว ซึ่งไม่มากนัก แต่ก็อยู่กันได้อย่างมีความสุข ต่อมามีรายได้จากการสอนนักศึกษาภาคค่ำ ซึ่งชั่วโมงละไม่กี่ตังค์ ก็ดีขึ้นหน่อยหนึ่ง แต่ก็ไม่ค่อยเหลือ ได้มามากก็ใช้มาก ส่วนวิทยาลัยครูก็พัฒนาขึ้นมาเป็นมหาวิทยาลัย เงินประจำตำแหน่งผู้บริหารก็เข้ามา เงินประจำตำแหน่งทางวิชาการก็เข้ามา เมื่อมีเงินเข้ามาก็เริ่มยุ่ง-เริ่มแย่งชิง
และยิ่งเป็นนิติบุคคล เลยเละตุ้มเป๊ะ
ตอนผมทำผลงาน ผศ.ส่งนั้น ยังไม่มีเงินประจำตำแหน่งทางวิชาการเลย แต่ที่ทำส่งเพราะมีเอกสารที่เป็นชีทประกอบการสอนอยู่ รวบรวมทำเป็นเล่มตามเงื่อนไข ที่ทำส่งก็หวังจะมีคำว่า ผศ.นำหน้าชื่อเท่านั้นเพราะดูโก้ดี แต่ก็เริ่มมีข่าวว่าจะมีเงินประจำตำแหน่งแล้ว แต่ผลงานยังไม่ผ่านซักที นานมาก
การทำผลงานในสมัยนั้นก็ไม่ง่ายนะ ต้องใช้วิธีพิมพ์บนกระดาษไขและพิมพ์แบบโรเนียว ผิดก็ไม่ได้ ลบก็ไม่ได้ ผิดหน้าเดียวก็ต้องพิมพ์ใหม่หมด
แต่เดี๋ยวนี้ง่ายขึ้น มีเทคโนโลยีทันสมัย แต่ก็ไม่แน่ ถ้าท่านอยู่ ม.สารขัณฑ์ และอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับนางแต้ม โอกาสที่จะผ่านฝ่ายบุคคลที่มีแจ็ดแจ๋น้องสาวนางแต้มคุมอยู่ ก็แสนเข็น แต่มีอาจารย์คณะมนุษย์ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับนางแต้มคนหนึ่ง เล็ดลอดกรงเล็บ ผ่านตำแหน่ง รศ. ออกมาได้ กรณีนี้ เขาว่า ฝ่ายบุคลที่เป็นเพื่อนซี้กัน มีปากเสียงกันในประเด็น “ปล่อยให้ผ่านไปได้ไง?” ตอนนี้ยังไม่ดีกันเลย เรื่องจริงที่น่าอนาจจริงๆ
ลองมาดูเรื่องของมหาวิทยาลัยอื่นดูบ้าง ว่าที่ไหนจะเลวร้ายกว่ากัน ซึ่งท่าน Paramatta Nilsang บอกมาว่า “เหมือน ม.ราชภัฎนครศรีฯ เด๊ะเลยครับ เป็นแฝดพี่น้องกัน ผู้บริหารจ้องคอยแต่กลั่นแกล้งฝ่ายตรงกันข้ามถึงขนาดสร้างพยานหลักฐานเท็จ เรียกว่าอุบาทว์กว่าเดรัจฉาน อาจารย์ใช้วุฒิปลอม วุฒิเถื่อนบรรจุก็มี เป็นผู้ต้องหาคดีอาญาก็มี ผู้บริหารด้านวิชาการ ก็ลอกผลงาน เยอะไปหมด ตัวมหาลัยไม่ได้เลวและตกต่ำ แต่ตัวทำให้เลวและตกต่ำก็พวกผู้บริหารทุจริตกังฉินทั้งหลาย มันฉลาดแต่เรื่องโกง ส่วนเรื่องดีๆมันโง่ทำกันไม่เป็น เพราะพื้นฐานมันไม่ค่อยดีมาก่อน อย่าว่าผม บลูลี่นะครับ เอาความจริงมาพูด ลองไปดูวุฒิการศึกษาของพวกมัน จ่ายครบจบแน่ทั้งนั้น ปริญญาห้องส้วมก็มี (ต่ำกว่าห้องแถว) มันเลยไม่รู้คุณค่าของการศึกษาว่ามันยากแท้ขนาดไหน
….