วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม 2565
จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์ (สังเวชใจ)
6
ผมรู้สึกสงสารตัวเองจริงๆที่อ่อนภาษาไทย และต้องมานั่งอ่านภาษากฏหมายที่เข้าใจมหายาก เพื่อหาแนวทางชี้แนะนางแต้มได้สำนึก เกิดปัญญารู้คิดว่า อะไรไม่ควรทำเพราะเป็นการละเมิดกฏหมายบ้านเมือง และอะไรควรทำเพราะเป็นเรื่องของความเมตตาที่มนุษย์ควรมีให้แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แต่ก็เหลว ไม่ได้เรื่อง เพราะพิษบ้า ในตัวของนางแต้ม ได้แพร่กระจายขึ้นไปที่สมองนางแล้ว ดังนั้นวันๆจึงแสดงอาการของพิษบ้าให้คนอื่นได้เดือดร้อนรำคาญ สร้างวีรกรรมจากการใช้อำนาจทางปกครองทำร้ายผู้ใต้บังคับบัญชามากมายหลายรายอย่างถึงพริกถึงขิงนี้ แบบจะเอาตายกันให้ได้ ทำให้ผมรู้สึกหดหู่ใจและเกลียดชังนางแบบเข้ากระดูกดำ ความชั่วร้ายกักขฬะของนางช่างน่าขยะแขยงเสียจริงๆ ถ่อยสิ้นดี
ช่วงนี้ผมรู้สึกเป็นห่วงเหยื่อทุกคน หลายคนที่เคยร่วมงานกันมา โดยเฉพาะหญิงผู้กล้า พนักงานตัวเล็กๆ ที่โดนหนัก น่าสงสาร เคยเห็นมาตั้งแต่เป็นเด็ก ต้องมาต่อกรกับผู้บริหารระดับรองศาสตราจารย์ มีสภาฯจากผู้ทรงคุณวุฒิสนับสนุน โดยเฉพาะจากคนระดับ ศ.ดร. จาก ม.เมืองทอง ที่ช่างสิ้นไร้ไม่ตอกเสียจริงๆ ไม่รู้หรือว่านางเป็นคนโหดร้าย หรือว่าศีลเสมอกัน เห็นแล้วมันทุเรศ
และตอนนี้ได้ข่าวว่า นางแต้มสั่งลูกน้องให้พยายามกีดกันหญิกล้าทุกวิถีทาง ในการทำเรื่องขออุทธรณ์คำสั่งถึงคณะกรรมการอุทธรณ์และร้องทุกข์ ถึงอธิการ และถึงนายกสภามหาลัย แต่ก็กันไม่อยู่หรอก เพราะเป็นสิทธิของเขาที่จะอุทธรณ์ เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม
เท่านั้นยังไม่พอ นางแต้มยังได้พยายามรังแกพี่น้อง หญิงกล้า ข่มขู่ว่าจะย้ายหน่วยงานของเขาเพื่อความเหมาะสม เป็นการใช้สงครามทางจิตวิทยาที่เป็นวิชาเอกของนาง จะให้เขาบ้าเหมือแกหรือไง อีโรคจิตเอ้ย!
และวันนี้ ผศ. ดร.ชลิดา ภัทรศรีจิรากุล บอกว่า “สังเวชใจ”
ส่วน ผศ.ดร.La Ph เสริมว่า “ใช่ค่ะน่าสังเวชใจและสมเพชพฤติกรรมของคนที่กระสันอยากเป็นผู้บริหารใจแทบขาด แต่พอได้เป็นแล้วกลับใช้ตำแหน่งรังแกคนที่ไม่มีทางสู้..โจรบางคนทำชั่วเพราะความจำเป็น แต่นี่ทำชั่วเพราะลำพองใจ”
…..