จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์  (E 5) 

วันจันทร์ที่ 4 กรกฏาคม  2565

จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์  (E 5) 

4

มีนา จัน มาหา คม หักศอก และถามว่า “รู้เรื่องเงินเดือน 1.7/1.5 ที่พนักงานมหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ ถูกพวกโจราธิปไตรปล้นไปทุกเดือนมายาวนานกว่า 1 ทศวรรษ นั้น เดือนนี้ มิย.65 นางแต้ม ตัวละครของแก จ่ายเงินเดือนเพิ่มให้พนักงานทุกคนแล้ว แต่ไม่ครบตามสิทธิ์ และไม่พูดถึงเงินที่ปล้นไปทุกเดือนก่อนหน้านั้น  เป็นอันว่าทุกคนได้เพิ่มไปคนละ 1,000 บาทบ้าง 2,000 บาทบ้าง และ 3,000 บาทบ้าง ช่วงนี้พนักงาน ม.สารขัณฑ์จึงมีความสุข หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ทั้งๆที่ได้รับเงินเพิ่มจากเงินของตัวเอง ขอแสดงความยินดีกับพวกเขาด้วย และเรื่องนี้ฉันมีข้อสังเกต”

“อย่าไปมีข้อสังเกตสังกาอะไรเลย  พนักงานฯได้เงินเพิ่มมาก็เป็นบุญหัวแล้ว ถ้านางแต้มตัวละครของฉันไม่ให้ พนักงานจะมีท่าอะไร ฟ้องไปก็เท่านั้น แต่นั่นแหละ ที่แกว่ามีข้อสังเกต ว่าให้ฟังหน่อยซิ?”

“เรื่องเงินเดือน 1.7/1.5 นี้ ฉันว่ามันเป็นเรื่องบ้าบอคอแตกของระบบราชการในสถาบันอุดมศึกษา ที่จัดการอะไรไม่ได้ ปล่อยปะละเลย เป็นเหตุให้มีการฟ้องร้องกันแทบทุกแห่ง เฉพาะที่มหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ นางแต้มถูกพนักงานฟ้องมากกว่า 100  คดี 

ท่านรู้เปล่า รัฐต้องใช้ทรัพยากรบุคล และเสียเงินเสียทองไปกับเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะศาลที่ต้องพิจารณาคดีซ้ำแล้วซ้ำอีก เอกสารที่ทั้งสองฝ่ายส่งไปเพื่อแถลงต่อศาลนั้นกองเป็นพะเนินเทินทึก สาเหตุมีนิดเดียว คือ พวกเปรตตีความมติคณะรัฐมนตรีเพื่อช่อโกงพนักงานฯ ไอ้เวรเอ้ย!

จากคำวินิจฉัยของศาลปกครองชั้นต้นที่เห็นว่า “แม้มติคณะรัฐมนตรีจะให้อำนาจมหาวิทยาลัย ในการกำหนดจำนวนบุคคลที่จะจ้างและอัตราค่าจ้างตามตำแหน่งที่มหาวิทยาลัยประสงจะจ้าง ซึ่งอัตราค่าจ้างย่อมแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่ประสงค์จะจ้าง ไม่ได้หมายความว่าจะกำหนดอัตราค่าจ้างของพนักงานมหาวิทยาลัย สาย ก ให้ต่ำกว่า  1.7 เท่า หรือ สาย ข ให้ต่ำกว่า 1.5 เท่าแต่อย่างใดไม่” ชัดเจนมาก ปฏิบัติตามนี้ก็จบ”

แต่ถ้าฉันเป็นนางแต้มนะ ฉันจะกราบเรียนแก้ตัวกับศาลว่า  มหาวิทยาลัยทุกแห่งมีความเข้าใจต้องตรงกันว่า มติคณะรัฐมนตรี เห็นชอบให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับจ้างบุคคล การกำหนดอัตราค่าจ้างนั้นเป็นอำนาจของมหาวิทยาลัย โดยได้รับความเห็นชอบจากสภามหาวิทยาลัย แต่ต้องให้อยู่ภายในวงเงินที่ได้รับจัดสรร และเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ  ฉันก็จะอ้าง ผลการสำรวจของเครือข่ายพนักงาน ฯ ที่บอกว่า มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ไม่ได้กำหนดอัตราเงินเดือนเต็มอัตรา 1.5 และ 1.7 เท่าของอัตราเงินเดือนแรกบรรจุแต่อย่างใด  แต่จะหักเงินที่ได้รับการจัดสรร ในการจ้างพนักงานมหาวิทยาลัยไว้  0.2 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการและเงินชดเชย เช่น เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนสวัสดิการพนักงานมหาวิทยาลัย”                                              

 “เห็นเขาปล้นได้ ก็เลยปล้นไปกับเขาด้วย” อีห้าเอ้ย!

….

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *