วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565
จิปาถะ เรื่องสั้น อีเปรต หกห้า (หลอกพระมาทรมาน)
28
“นี่ คม หักศอก เมื่อไรนางแต้ม ตัวละครของแก หรืออธิการบดีมหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ จะได้รับกรรมที่ทำไว้สักที รู้สึกว่าจะรอนานเกินไปแล้ว จนบางคนทำท่าจะเลิกเชื่อเรื่องกรรม”
“รับแล้ว นางแต้มรับกรรมอยู่แล้ว” คม หักศอก ตอบ และอธิบายว่า “กรรม หมายถึง การกระทำ ว่าโดยสาระ กรรมก็คือเจตนา ถ้าเจตนาดีเรียกว่ากรรมดี เจตนาร้าย เรียกว่ากรรมชั่ว
กรรมนั้นสามารถจำแนกตามทวาร หรือทางที่ทำกรรม ได้แก่ กายกรรม คือ การกระทำทางกาย วจีกรรม การกระทำทางวาจา และมโนกรรม การกระทำทางใจ
ผลของกรรมนั้น จำแนกตามเวลา คือ ภพนี้ ภพหน้า และภพต่อๆไป หรือพูดง่ายๆว่า ให้ผลในขณะที่ทำ ให้ผลในเวลาต่อมา และให้ผลต่อเนื่องไป ยกตัวอย่างเช่น
นางแต้ม ใช้ฝ่ามือหวดไปที่ใบหน้าของหญิงผู้กล้าหนึ่งฉาดใหญ่ เนื่องจากโกรธที่หญิงผู้กล้าที่ไม่ยอมอ่อนน้อมต่อตน ผลในขณะที่ทำก็คือ นางเจ็บมือ ผลในเวลาต่อมาก็คือ มือบวม และผลต่อเนื่องคือถูกแจ้งความดำเนินคดีฐานทำร้ายร่างกาย ขึ้นโรงขึ้นศาล สุดท้ายอาจจะไปรับกรรมหรือผลของการกระทำที่เรือนจำ คลองไผ่
สรุปว่า นางแต้มนั้นมีเจตนาทำกรรมชั่วตลอด ทั้งกาย วาจา และใจ ไม่เห็นทำกรรมดีอะไรเลย”
“มีทำกรรมดีนะ” มีนา จัน แย้ง “เห็นนางสร้างเครื่องรางของขลัง นิมนต์พระดังๆมาร่วมพิธีพุทธาภิเษกด้วยละ”
“ทำกรรมชั่วนะซิ เห็นมีเสียงบ่นว่า”
“มันไม่ทำอะไรเลย หลอกพระมาทรมาน ทำบาปพระสมเด็จ”
“วันพุทธาภิเษกเห็นว่าเอาพระมาทิ้ง ตรงวางศิลาฤกษ์มีแต่ขวดเหล้า เบียร์เต็ม ไม่มีคนร่วมงานพระ”
“จริงรึ?”
“จริงซิ ไม่จริงจะมีเสียงว่ามารึ”
ฉะนั้น แกอย่าไปวิตกกังวลว่า นางจะไม่ได้รับกรรม เชื่อฉันเถอะ นางรับกรรมอยู่แล้ว ทุกวันนี้นางก็อยู่ไม่เป็นสุขหรอก จิตใจว้าวุ้นตลอดเวลา กินไม่ได้นอนไม่หลับ คิดไปสารพัดว่า กลัวเด็กจะมาขับไล่บ้าง กลัวอาจารย์จะฟ้องกลับบ้าง แต่ที่กลัวมากๆก็คือ กลัวไม่ได้เป็นอธิการบดี ใจไม่สงบหรอก”
เรื่องนี้ ผศ.ดร.ชลิดา ภัทรศรีจิรากุล บอกว่า “ใครก่อกรรมไม่ดีอะไรไว้
เดี๋ยวก็ตามมาให้ชดใช้เอง ขนาดเราปฏิบัติธรรมอยู่ แค่แวบคิดไม่ดีหน่อยเดียว มีปัญหาทั้งวัน กว่าจะข่มจิตให้สงบได้ กิเลสยังหนามากอยู่เลย
….