จิปาถะ เรื่องสั้น อีเถื่อน (เป่าสาก)

วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม  2564

จิปาถะ  เรื่องสั้น อีเถื่อน  (เป่าสาก)

18

มีเสียงถาม ที่ด่าพวกเขาว่า “อัปรีย์สีกบาล” มันไม่แรงไปหรือ มีนา จัน ตอบว่า เตือนครับ ไม่ได้ด่า  

เพราะ อัปรีย์ แปลว่า “ไม่น่ารัก “  เป็นคำสมาสภาษาสันกฤตของคำว่า “อัป” แปลว่าไม่ “ปรียะ” หรือบาลีว่า ปิยะ แปลว่า “น่ารัก” แต่เมื่อนำคำนี้มาใช้ในภาษาไทยความหมายได้เปลี่ยนไปเป็นคำด่า อาจารย์ศานติ ภักดีคำ อธิบายไว้อย่างนั้น ใน จิปาถะ ตั้งใจใช้ในความหมายเดิม คือ “ไม่น่ารัก”

ส่วน “สี” เป็นคำเขมร ออกเสียง “ซี” แปลว่า “กิน” เช่น ซีบาย แปลว่า กินข้าว ในประเทศเขมรปัจจุบัน คำว่า “ซี” เปลี่ยนไปใช้กับสัตว์ เช่น ฉมาซีบาย  แมวกินข้าว ส่วนคนใช้ โฮบบาย 

“กบาล” เป็นคำเขมรเหมือนกัน แปลว่า หัว หรือ ศีรษะ ฉะนั้น อัปรีย์สีกบาล จึงแปลว่า ความไม่น่ารักกินหัว  ตามความหมายนี้ น่าจะเป็นการเตือนว่า อย่าทำสิ่งที่ไม่ดี ไม่น่ารักนะ เพราะความไม่น่ารักจะกินหัว  เห็นไหมล่ะ ไม่ได้ด่าสักหน่อย เตือนให้ด้วยซ้ำ

สำหรับประเด็นที่จะพูดในวันนี้ก็คือ ทำไมพวกขี้ข้าหมารับใช้นางแต้ม จึงเกาะติดนางแต้มเหนียวแน่นเหลือเกิน ทั้งๆที่รู้ว่า นางนั้นเป็นพวกนอกกฏหมาย หรือพวกโจร การร่วมมือกับโจรโทษหนักนะจะบอกให้ แต่ปรากฏว่าพวกนั้นไม่สนใจ ยังคงอยู่รับใช้อย่างถวายกบาล เพราะอะไรรู้เปล่า ก็ผลประโยชน์ไงล่ะ

ตัวอย่างเช่น เป็นอาจารย์อยู่ภาควิชาศิลปะหรือดนตรี  ทำหน้าที่สอน ได้รับค่าตอบแทนคือเงินเดือนและค่าสอนบ้างเล็กน้อย แต่เมื่อได้เข้าไปรับใช้นางแต้ม เช่น ได้รับตำแหน่งเป็นรองอธิการบดี ก็จะได้เงินประจำตำแหน่ง ประเมินการขึ้นเงินเดือน 100 เปอร์เซ็นต์ และอื่นๆที่จะตามมา ที่สำคัญมาก ก็คือ การขอผลงานทางวิชาการก็จะได้โดยไม่ยาก

ตามปกติ การขอผลงานวิชาการนั้น จะมีคณะกรรมการกลั่นกรอง ก่อนส่งให้ผู้อ่าน ส่วนใหญ่ก็จะดูรูปแบบให้ถูกต้องเท่านั้น  แต่ปัจจุบันคณะกรรมการกลั่นกรองกลายเป็นคณะกรรมการกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้ามไปเสียแล้ว ฉะนั้น ถ้าไม่ใช่พวกที่สนับสนุนนางแต้มอย่าได้แหลมเข้าไปเด็ดขาด ถูกดองไว้บ้าง ส่งผิดสายเพื่อให้ล่าช้าบ้าง ส่งให้ผู้ตรวจจอมโหดบ้าง  จึงปรากฏว่า พวกนี้จะไม่ได้ประโยชน์จากตำแหน่งวิชาการ บางคนก็เลิกคิดจะขอผลงานไปเลย แต่ก็ยังมีบางคนที่พยายามและสามารถหลุดไปได้ เช่น ท่านบุญวิเศษ เล็ดรอดสายตาผ่าน รศ. ไปได้อย่างหวุดหวิดแค่เส้นผมผ่าแปด  เขาลือกันว่า เมื่อรู้ว่า ท่านบุญวิเศษ ผ่าน รศ.เท่านั้นแหละ ระเบิดลงที่ฝ่ายบริหารงานบุคคลฯตูมใหญ่ เละเป็นขี้ เหม็นคลุ้งไปเลย

แต่ถ้าเป็นฝ่ายเดียวกันละก็ คณะกรรมการกลั่นแกล้ง จะเปลี่ยนไปทำหน้าที่เป็นสนับสนุน หาวิธีติดต่อผู้อ่านให้  อาจจะมาจากกรรมการสภฯ ผู้ทรงคุณวุฒิ ดังนั้น ทำงานไม่นานเท่าไรก็ได้ ผศ. รศ. กันแล้ว กินเงินประจำตำแหน่งกันจนเกษียณ มีนา จัน ว่า ไม่ช้า แจ็ดแจ๋ จะได้ ศ. ซะละมั้ง  รับรองไม่ต้องไปร้องห่มร้องไห้ออเซาะผู้อ่านเหมือนอาเจ้แน่นอน

สรุป ประเด็นวันนี้ คือ ถ้าอยากถูกดองในไห แบบพระนางชูสีไทเฮา ปฏิบัติกับศัตรู ก็นั่งเป่าสาก ต่อไปเถอะ ครับผม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *