จิปาถะ เรื่องสั้น อีเถื่อน (อาจต้องกราบ)

วันอังคารที่ 1 มิถุนายน  2564 

จิปาถะ  เรื่องสั้น อีเถื่อน (อาจต้องกราบ) 

1

คม หักศอก  ปรารภ กับ มีนา จัน ว่า “ฉันนั้นถือว่าโชคดีมาก เพราะคดีที่ฉันถูกแจ้งจับ ข้อหามีวัตถุโบราณอันเป็นสมบัติของแผ่นดินไว้ในครอบครอง และข้อหาหมิ่นประมาทอธิบดีกรมศิลปากร เรื่องจบที่อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาด  ฉันจึงขาดประสบการณ์ที่จะต้องขึ้นศาล  แต่เพื่อนที่เป็นทยายความแนะว่า  “ถ้าเรื่องถึงศาล ท่านต้องทำเป็นไม่รู้นะว่า เศษกระเบื้องที่ท่านเก็บมานั้น มีคุณค่าอย่างไร ให้กรมศิลปากรอธิบายที่ละชิ้น จนกว่าจะครบ 200 กว่าชิ้น ซึ่งก็คงจะเบื่อและขอถอนฟ้องไปเอง” ฉันก็ฟังเฉยๆ ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า เพราะยังไม่ได้ขึ้นศาล

พอดีผู้สันทัดกรณี ส่งประสบการณ์ ของ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ มาให้ ฉันอ่านแล้วก็แจ้งจางปาง “ใช่เลย” มันต้องอย่างนั้น

ดร.อานนท์  เล่าว่า “เวลาผมไปศาล เมื่อถูกใครฟ้องมา ความชำนาญที่ผมทำเสมอคือ เรียกเอกสารจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อขุดแผลของคนที่ฟ้องผมมา เอาเสียจน คนฟ้องกระเจิดกระเจิง แทบจะกราบตีนขอถอนฟ้อง และผมไม่เคยยอมด้วย อีกอย่างที่ชอบใช้คือใช้พยานปรปักษ์ ทำให้คนที่มาเป็นพยานให้คนที่ฟ้องผม แสดงพิรุธหรือแสดงหลักฐานกลับไปทำร้ายโจทก์ ใครคิดมาเป็นพยานให้โจทก์ที่ฟ้องผมจะเหงื่อแตกพลักๆ ผมบอกทนายความให้ซักจนจนแต้มจนมุมกันมาหลายคนแล้ว ก็ลองกันดูสักตั้งสิครับ สนุกครับ”

เรื่องนี้มีประโยชน์สำหรับนักศึกษาที่ถูกนางแต้มแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาท  เมื่อต้องขึ้นศาล ให้ใช้วิธีของ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ คือ ขุดหรือเปิดบาดแผลของนางแต้มและผู้สนับสนุน ขอให้ศาลเรียกเอกสารที่เกี่ยวกับโจทก์ เช่น คำสั่งแต่งตั้งที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย  สัญญาคืนค่าเทอม 1,000  บาท อยู่ไหน, ภาพการหมิ่นเบื้องสูง ฯลฯ  เป็นต้น เพื่อแสดงให้เห็นว่านางแต้มนั้นนอกจากหมิ่นเบื้องสูง แอบอ้างเป็นรักษาการอธิการบดีแล้ว  ผิดสัญญาการคืนค่าเทอมแล้ว ยังแอบอ้างเป็นโจทก์ฟ้องนักศึกษาอีกด้วย เท่านี้นางแต้มก็จบเห่แล้ว

แต่ในขณะที่คดียังไม่ถึงศาล นักศึกษาจะต้องช่วยนักศึกษาด้วยกันเอง ด้วยการกดดันทั้งนางแต้ม รักษาการอธิการบดี  และสภามหาวิทยาลัย เช่น ยื่นหนังสือให้ต้องตอบให้ได้ว่า “ทำไมนักศึกษาจึงสงสัยไม่ได้  ทำไมค่าเทอมถึงแพง และทำไมอธิการถึงแจ้งจับนักศึกษา” เหมือนครูกิติภูมิว่า “ใครเขาเคยยยย”

สำหรับนางแต้มนักศึกษาต้องรุกให้หนัก โดยเฉพาะการแจ้งจับนักศึกษาที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่  เดี๋ยวนางก็สติแตก ทำลายตัวเองจากความโกรธที่ไม่เคยยั้งหยู่ แล้วนางก็จะตายหยังเขียด ถ้าไม่ตายหยังเขียดก็อาจต้องมาขอ “กราบเท้า” นศ. ให้ถอนฟ้องคดี แบบที่ ดร. อานนท์ว่าก็ได้ 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *