จิปาถะ ความเห็นแก่ตัวจงเจริญ

วันจันทร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2566

จิปาถะ ความเห็นแก่ตัวจงเจริญ (เมษายน 2015)

17

“วันนี้จะเล่าเรื่องอะไรให้ฟังอีกล่ะ”  ผมถามสมชาติ เมื่อหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้สนามตรงข้ามกับสมชาติ   สมชาติเอื้อมมือไปหยิบเบียร์เย็นเฉียบยี่ห้อยอดนิยมในถังแช่ที่เตรียมไว้ตั้งแต่ตอนเที่ยงออกมาเปิดและรินแบบไร้ฟองส่งมาให้ผม พร้อมกับเอ่ยว่า “กำลังเย็นเจี๊ยบเลยครู”

ผมเอื้อมมือไปรับแก้วเบียร์จากสมชาติ เอามาแนบกับแก้มเพื่อตรวจสอบความเย็นและบรรจงดื่มอย่างมีความสุข

ไกลออกไปอาจจะมีคนมองมาที่สนามข้างบ้านสมชาติที่มีคลองเล็กๆน้ำใสแจ๋ว พูดนินทาในใจอย่างมีอคติต่อครูว่า “มาล้มทับลูกศิษย์อีกแล้ว ครูแก่คนนี้” แต่สำนึกของความดีงามกลับคืนมาสู่เขาผู้ที่นินทาว่า “ไม่ใช่  ครูและศิษย์คู่นี้รักใครกันดี มันต้องมีสิ่งผูกพันกันมากกว่าความเป็นครูและศิษย์อย่างแน่นอน”  และไม่มีใครรู้หรอก นอกจากเขาสองคน

สมชาติรินเบียร์และยกขึ้นดื่ม เลื่อนจานกับแก้มมาทางครู พร้อมเอ่ยว่า “ครูครับ นี่คอหมูย่าง ร้านอร่อยที่สุดในหมู่บ้านเลยครับครู”

ผมตอบรับว่า ครับ เบาๆ พร้อมกับถามซ้ำว่า “วันนี้จะเล่าเรื่องอะไรล่ะ สมชาติ”

“ก็เรื่องทำนองเดียวกับม้าอารีกับม้าอัปรีย์ที่เล่าไว้เมื่อคราวที่แล้วนั่นแหละ”

“เรื่องเป็นอย่างไรล่ะ”  ผมรบเร้า ทำท่าทางอยากฟัง

ก็เป็นเรื่องของเพื่อนอีกนั่นแหละ เพื่อนคนนี้ชื่อ อ. ธงชาติ สามสี  เขาเล่าให้ผมฟังว่า “เรื่องนี้เกิดขึ้นนานแล้ว ตอนนั้นเขา เป็นนายกสโมสรอาจารย์ของสถาบันอุดมศึกษา   ก็เป็นตัวแทนคณาจารย์ ทำหน้าที่บริการครูบาอาจารย์นั่นแหละ ที่โก้หน่อยก็คือ มีโอกาสได้เข้าประชุมกรรมการบริหารกับเขาด้วยเท่านั้น”

อ. สมชาติ เล่าต่อไปว่า “อาคารของสโมสรอาจารย์นั้น  เป็นอาคารที่ปรับจากบ้านพักอาจารย์สองหลัง สร้างติดกันเป็นหลังเดียว ชั้นบนทำเป็นที่สำหรับบริการผู้ที่มาราชการที่นี่และต้องการห้องพักราคาถูก  นอกจากนั้นยังใช้เป็นที่พักอาจารย์ที่มาบรรจุใหม่ และเดือดร้อนเรื่องที่พัก ส่วนชั้นล่างปรับเป็นที่จำหน่ายอาหารและห้องนันทนาการสำหรับครูบาอาจารย์ในสถาบัน

เช้าวันหนึ่งขณะที่ อ.ธงชาติ ออกไปเดินออกกำลังกาย เมื่อเดินผ่านอาคารสำนักงานอธิการฯ ก็เลยถือโอกาส เซนต์ชื่อ ปฏิบัติงานไว้ก่อนเลย จะได้ไปทำงานที่ภาควิชาเลยไม่ต้องเข้ามาเซ็นชื่ออีก  บังเอิญเช้าวันนั้นเขาพบชายคนหนึ่งหิ้วกระเป๋าเดินทางและของพลุงพลังมากับสุถาพสตรี อ.ธงชาติก็ทักทายตามอัธยาศัยว่ามาหาใคร ได้ความว่า ชื่อ รักสงบ มารายงานตัวเป็นอาจารย์ที่นี่  อ.ธงชาติถามต่อไปว่า “แล้วพักที่ไหนล่ะ” อ.รักสงบ ตอบว่า “ยังไม่มีที่พักเลย” อ.ธงชาติ ก็บอกว่า “วันนี้พักที่สโมสรอาจารย์ก่อนก็ได้ แล้วค่อยขยับขยายทีหลัง” 

“ก็เป็นเรื่องดีนี่  ใครก็ตามที่ได้รับการต้อนรับอย่างดีตั้งแต่แรก ก็จะประทับใจ เกิดความรักและศรัทธาในองค์กร ทำให้การงานราบรื่น  อ. ธงชาติท่านทำถูกต้องแล้ว” ผมออกความเห็น

“ผมก็ว่าอย่างครูนั่นแหละ  แต่เรื่องราวไม่ได้งดงามตลอดอย่างนั้น”

“หมายความว่าอย่างไรล่ะ”

สมชาติเล่าต่อไปว่า “บังเอิญช่วงนั้นมีปัญหาขัดแย้งระหว่างคณาจารย์และอธิการ ทำให้บุคลากรในสถาบันแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย อ.ธงชาติ อยู่ฝ่ายคณาจารย์ ส่วน อ.รักสงบ อยู่ฝ่ายอธิการ”

“แล้วมันอย่างไรล่ะ” ผมถามและยื่นมือไปหยิบขวดเบียร์มารินใส่แก้ว

สมชาติ เล่าต่อไปว่า “หลังจาก อ. รักสงบ รายงานตัวแล้วไม่นานทางสถาบันก็จัดบ้านพักให้  แต่ อ. รักสงบก็ยังไม่ยอมย้ายจากที่พักของสโมสรไปอยู่บ้านพักที่สถาบันจัดให้  และเมื่อเวลาล่วงเลยมานานมาก อ.ธงชาติ ในฐานะนายกสโมสรก็ได้ทำหนังสือถึง อ. รักสงบ ขอให้คืนห้องพักเพื่อใช้สำหรับบริการแขกและอาจารย์อื่นๆ ต่อ ไป แต่ทาง อ. รักสงบ ก็มิได้สนใจที่จะคืนที่พักแต่อย่างใด”

“แล้ว อ. ธงชาติ ท่านทำอย่างไรล่ะ สมชาติ ”

อ.ธงชาติท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ท่านเล่าให้ฟังว่า “อ.รักสงบได้นำเรื่องนี้ไปพูดคุยในกลุ่มที่สนับสนุนอธิการ มี อ. ที่เป็นฝ่ายบริหารท่านหนึ่งบอกว่า “รักสงบ  ไม่ต้องคืนห้องหรอก อยู่อย่างนั้นแหละ ดูว่ามันจะทำอะไรได้”

อ. ธงชาติ กล่าวทิ้งท้ายว่า “สำนึกที่ดีงามนั้นมันอยู่ในสายเลือด ถ้าไม่มีก็คือไม่มี”

ผมและสมชาติยกแก้วขึ้นสัมผัสกันดังกริ๊ง เปล่งคำเป็นภาษาต่างประเทศว่า เชียร์ส และดื่มรวดเดียวหมด  “ขอให้ความเห็นแก่ตัวจงเจริญ”

…..

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *