ลุงเจ็ก กู่สวนแตง ตอนที่ 6 และ ตอนที่ 7

ลุงเจ็ก กู่สวนแตง ตอนที่ 6

สายมากแล้ว ดวงตะวันโผล่พ้นยอดไม้สูงขึ้นไป วันนี้อากาศสดชื่นแจ่มใส แสงแดดกล้าทาบทับองค์ปราสาททอดเป็นเงาคมชัดไปบนพื้นหญ้าที่เขียวสด บุญเพ็งและยุกต์เพิ่งจะตื่น ความจริงเขาอยากจะนอนต่อ แต่การงานที่รออยู่ จึงทำอย่างที่ใจต้องการไม่ได้
เมื่อคืนเขาไม่รู้ว่าอยู่กันดึกดื่นเท่าไร ไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าลุกเจ็กแกลุกไปตั้งแต่เมื่อไร ที่รู้คือทุกคนสนุกสนานเป็นกันเอง พูดคุยถูกหูถูกคอกันดี เจ้ายุกต์ที่เคยเสียงแข็งไม่ยอมนำทับหลังกลับมาติดตั้งไว้ที่เดิมก็เสียง อ่อนลงและทำท่าเห็นดีเห็นงานไปด้วยดัน หรือยุกต์อาจเออออห่อหมกไปกับลุงเจ็ก เพราะเกรงใจก็ได้ มันเป็นคนอย่างนั้นอยู่ด้วย
หลังจากช่วยกันเก็บสัมภาระแล้ว จึงออกไปหากินอาหารเช้า เสร็จแล้วกลับเข้าไปสำรวจ สเก็ตคร่าวๆ และบันทึกประเด็นสำคัญๆ ตกบ่ายทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย
ก่อนกลับบุรีรัมย์ บุญเพ็งพายุกต์ไปดูกู่ฤาษีหรืออโรคยาศาลา สุขศาลาชุมชนในอดีต ซึ่งเป็นปราสาทก่อด้วยศิลาแลง ที่บ้านกุฏิฤาษี หนอกเยือง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกู่สวนแตงด้วย เผื่อมีงบประมาณเหลือจะได้บูรณะไปพร้อมกัน ถ้าทำได้จะเป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวของที่นี่อย่างยิ่ง
ตอนค่ำ บุญเพ็ง ไปส่งยุกต์ขึ้นรถด่วนกลับกรุงเทพฯ เขาอยากจะถามใจยุกต์เกี่ยวกับทับหลังเหมือนกัน แต่ไม่อยากรบเร้าตอนนี้ ส่วนใจคิดถึงลุงเจ็ก เสียดายที่ไม่รูว่าบ้านแกอยู่ตรงไหน มัวแต่เมาเลยลืมถาม แต่ไม่เป็นไรกลับไปถามเขาแถวนั้นคงจะรู้จัก ลุงเจ๊กแกมีความรู้และแนวคิดที่น่าสนใจ


สรยุกต์ ทองไทร กลับไปกรุงเทพฯ สองอาทิตย์แล้วบุญเพ็งยังไม่มีโอกาสไปกู่สวนแตงอีก เพราะการงานรัดตัว แต่รู้สึกว่าหลังจากคุยกับลุงเจ็กแล้วจิตใจเขาฝังแน่นอยู่กับ ทับหลังกู่สวนแตงที่จะต้องหาวิธีเอากลับมาไว้ที่เดิมให้ได้
และอีกสองสามวันต่อมา บุญเพ็งก็ได้รับแฟ็กซ์จากยุกต์อีก ยุกต์บอกว่า ตั้งแต่กลับจากบุรีรัมย์ รู้สึกไม่ค่อยสบาย ป่วย ตกค่ำจะต้องมีอาการปวดหัวตัวร้อนอยู่เป็นประจำทุกวัน แต่ไม่ถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ ไปหาหมอ หมอไม่เห็นบอกอะไร จัดยามาให้กิน ก็ยังไม่หายสักที ถ้าแกว่างมาเยี่ยมบ้าง คิดถึง
บุญเพ็งเลยตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ ด้วยเป้าหมายสองอย่างคือ เยี่ยมเจ้ายุกต์ และติดตามเรื่องการบูรณะกู่สวนแตง
ทั้งคู่พบกันที่สวนอาหารในห้างสรรพสินค้า ตอนบ่ายๆ โต๊ะว่างเยอะแยะ คุยกันได้อย่างสบายๆ
“เป็นอย่างไรบ้านอาการป่วย” บุญเพ็งถาม
“กลับมาแย่เลย ทุกเย็นจะครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดหัวตัวร้อน นอนไม่หลับ น้ำหนักลดลงไปหลายกิโล ที่สำคัญ มักจะฝันประหลาดๆ”
“แกไปทำอะไรผิดที่ผิดทางมาหรือเปล่า” บุญเพ็งซักไซ้
“บ้า..ไม่มีหรอก” ยุกต์ยืนยันขันแข็ง
“แล้วเรื่องที่แกรับปากรับคำกับลุงเจ็กล่ะ” บุญเพ็งทบทวนความจำยุกต์
“รับปากแกเรื่องอะไรกัน” ยุกต์ ทำท่าทางสงสัย
“รับปากว่าจะดำเนินการเรื่องเอาทับหลังกลับคืนไปไว้ที่เดิมไงล่ะ”
“กันก็ว่าไปอย่างนั้นแหละ” ยุกต์หัวเราะเบา ๆ “เกรงใจลุงแก พอดีลุงแกพูดเชิงท้าทายด้วย แกรู้อยู่แล้วนี่ว่าเรื่องนี้กรมฯไม่ยอมเด็ดขาด”
“แกต้องพยายามหน่อยซิ ถ้าเห็นว่าสิ่งที่จะทำถูกต้องดีงาน ก็ต้องทำ และมุ่งมั่นที่จะทำให้ได้ จำไม่ได้รึ ลุงเจ็กแกว่าอย่างนั้น ส่วนจะได้ผลหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แกมีระดับเหมือนกันนี่ เขาอาจจะฟังก็ได้” บุญเพ็งเสนอแนะ
“อย่าไปสนใจกับลุกเจ็ก ลุกจั๊ก อะไรนั่นดีกว่า แกเป็นชาวบ้านธรรมดา ๆ”
“แต่ลุงเจ็กแกมีความรู้นะ อย่าไปดูถูกแก ความคิดความอ่านใช้ได้ถือเป็นปราชญ์ท้องถิ่น
กันนับถือแกมากเลย” บุญเพ็งโต้
“แกจะนับถืออะไรเป็นเรื่องของแก กันไม่เกี่ยว”
“แต่กันเห็นด้วยกับแนวคิดของแกเรื่องเอาทับหลังกลับคืน ที่มานี่นอกจากจะมาเยี่ยมแกแล้ว กะจะถามเรื่องทับหลังด้วยนะ ว่าแกจะเอาอย่างไร” บุญเพ็งถามแบบคาดคั้นคำตอบ
“เออ! เรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน ต้องใช้เวลา เก็บไว้คุยกันใหม่คืนนี้ดีกว่า” ยุกต์พูดเสียงอ่อนลง เมื่อเห็นบุญเพ็งเอาจริงเอาจัง
“ได้ ตามใจแก” บุญเพ็งรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์
“งั้นตอนนี้ยังพอมีเวลา ไปดูทับหลังกู่สวนแตงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกันเถอะ เห็นลุงแกคุยนักหนาว่าเยี่ยม” บุญเพ็งชวน
เออดีเหมือนกัน

ลุงเจ็ก กู่สวนแตง ตอนที่ 7

แล้วยุกต์กับบุญเพ็งพากันไปที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร พวกเขาตรงไปยังตึกที่มีการจัดแสดงศิลปะแบบเขมร ที่นั่นมีเทวรูปและทับหลังจากปราสาทต่าง ๆ หลายชิ้น เช่น จากปราสาทพนมวัน นครราชสีมา แต่ชิ้นที่จะไปดูนั้น เป็นทับหลังจากกู่สวนแตง
ตอนนี้ทั้งบุญเพ็งและยุกต์มายืนอยู่ตรงหน้าทับหลังเรื่องนารายณ์บรรทมสินธุ์ และอยู่ดี ๆ ยุกต์ก็มีท่าทางตกใจกลัว ถึงกับผงะถอยออกมา ดวงตาเบิกกว้าง หน้าซีดเผือด เหงื่อเม็ดโป้ง ๆ ผุดออกมาเต็มหน้า ทำท่าจะล้มลง
บุญเพ็ง และเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ฯ ที่ดูแลอยู่แถวนั้นต้องเข้าช่วยประคองและพายุกต์ไปที่ห้องพักใกล้ ๆ บุญเพ็งใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อให้ยุกต์ เจ้าหน้าที่ช่วยพัดและให้ยาดม
สักครู่ยุกต์จึงรู้สึกตัว
“เป็นอย่างไรบ้าง ค่อยยังชั่วหรือยัง” บุญเพ็งถามอย่างเป็นห่วง
“ดีขึ้นแล้วละ” ยุกต์ตอบเบา ๆ หน้ายังซีดและปรากฏร่องรอยของความหวาดกลัว
“เออ! บุญเพ็ง เมื่อกี้แกเห็นอะไรหรือเปล่าวะ” ยุกต์กระซิบ
“เห็นอะไร ที่ไหน” บุญเพ็ง ทำหน้าสงสัย
“ในทับหลังไงล่ะ คนที่นั่งอยู่น่ะ มันลุงเจ็กชัด ๆ
ไม่ว่าจะหน้าตา ท่าทาง หรือเครื่องแต่งกาย”
“แกถ้าจะบ้า กันไม่เห็นมีอะไรเลย พิษไข้คงจะขึ้น”
“ไม่ใช่พิษไข้หรอก กันเห็นจริง ๆ “ ยุกต์เถียง
“แกคงจะเหนื่อยมาก กลับบ้านไปพักผ่อนกันดีกว่า เดี๋ยวจะไปกันใหญ่” บุญเพ็งสรุป สีหน้าวิตกกังวล
“ยังไม่กลับหรอก” ยุกต์ปฏิเสธ
“แกช่วยไปหาซื้อพวงมาลัยให้ซักพวงซิ”
“แกจะเอามาทำอะไร” บุญเพ็งถามอย่างสงสัย
“ช่างเถอะ ไม่ต้องถามหรอก ไปซื้อมาก็แล้วกัน”
“ได้..แล้วแต่แก”
ยุกต์ให้บุญเพ็งพากลับไปที่ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์จากกู่สวนแตงอีกครั้ง เขาค่อย ๆ วางพวงมาลัยไว้ที่มุมทับหลังด้วยมืออันสั่นเทา พร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยเสียงอันสั่นเครือ
“ลุงเจ็กครับ ผมสัญญา ผมจะพาลุงกลับบ้านให้ได้”