ลุงเจ็ก กู่สวนแตง ตอนที่ 2 และ 3

ที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์ สถานที่ที่ไม่เคยหลับ ผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ ทั้งผู้โดยสาร คนถีบสามล้อ คนขับรถมาเตอร์ไซด์รับจ้าง บางคนซุกตัวนอนตามม้านั่งของสถานีหลับเพื่อตื่นรับวันใหม่ที่หวังว่าจะดีกว่าเก่า นี่แหละวิถีชีวิตของผู้ยากไร้
รถด่วนเที่ยวขึ้นกรุงเทพฯ นครราชสีมาปลายทางอุบลราชธานี แล่นอย่างช้าๆ เข้าที่
ชานชาลาตรงตามเวลาพอดี ที่ตู้นอนท้ายขบวน มีชายผอมสูง ใส่เสื้อกันหนาวสีดำ หิ้วกระเป๋าเดินทางลงมาคนเดียว บุญเพ็งเห็นแต่ไกลก็จำได้ว่าเป็น ยุกต์ เขาโบกมือส่งสัญญาณให้รู้ว่ารออยู่ตรงนี้ พร้อมทั้งเดินเข้าไปหา ต่างดีอกดีใจจับไม้จับมือทักทายและโอบกอดกันอย่างรักใคร่สนิทสนม
“เป็นอย่างไรบ้าง การเดินทาง” บุญเพ็งถาม
“สบายมากเลย ที่หลับที่นอนสะอาดสะอ้าน
ที่ดีมากคือมีบริการปลุกเมื่อถึงจุดหมายปลายทางด้วยเลยทำให้นอนหลับอย่างสบาย ไม่ต้องมัวกังวล”
“เขาทำอย่างนี้มานานแล้ว” บุญเพ็งหัวเราะในลำคอ “แกไม่ค่อยได้ใช้บริการเอง เลยไม่รู้
เรื่อง”
“เป็นอันว่าดีก็แล้วกัน” ยุกต์สรุป
และชมเชยการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นปรกตินิสัยของยุกต์
“แล้วแกละ เป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือ?” ยุกต์ถาม


“อย่างที่เคยนั่นแหละ เป็นครูมีแต่สอน กับศึกษาค้นคว้าเพิ่มพูนความรู้พัฒนาตนเองไปเรื่อยๆ”
“ดีแล้วละ..ทำไปเถอะ..แล้วความขัดแย้งเรื่องการหันพระพักตร์พระบรมรูปรัชกาลที่ 1 ที่แกเล่าให้ฟังล่ะ เรื่องไปถึงไหนแล้ว”
“ในฐานะนักวิชาการ ได้พูดไปตามข้อมูลและความน่าจะเป็น แต่ไม่มีใครสนใจหรอก เรื่องนี้ เอาไว้สายๆ จะพาไปสักการะพระบรมรูปฯ แล้วจะเล่าให้ฟัง
“โอเค..ดีเหมือนกัน”
ทั้งสองเดินคุยกันมาที่รถ และขับรถออกจากสถานีผ่านวงเวียนหอนาฬิกา มาตามถนนซึ่งข้างทางเป็นร้านข้าวต้ม
“กินข้าวต้มไหม” บุญเพ็งถาม
“ไม่หรอก ยังไม่หิว”
“ดูนั่นซิ เห็นไหม พวกที่มาเที่ยวกันตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่กลับเลย นั่งดื่มกินกันอยู่ คงเพิ่งออกมาจากบาร์หรือจากเทค” บุญเพ็งชวนคุย
“เหมือนเราสมัยก่อนนั่นแหละ ไม่สว่างไม่กลับ”..
“แต่เดี๋ยวนี้คงไม่ไหวแล้ว ขืนอยู่ดึกดื่นอย่างนี้สลบเหมือดแน่ๆ” ยุกต์พูดไปเรื่อยๆ ส่วนตามองดูอาคารบ้านเรือนไปรอบๆ
“บ้านเมืองเจริญดีนะ ตึกรามบ้านช่องใหญ่โต” ยุกต์พูดชมอีก
”เจริญเฉพาะในเมืองนี่แหละ นอกๆ ยังเหมือนเดิม”
“เอาเป็นว่าเรากลับไปอาบน้ำอาบท่ากันที่บ้านก่อนแล้วค่อยออกมาหาอะไรกินกัน ดีไหม” บุญเพ็งเสนอ
“ได้..ตามใจแก”

ลุงเจ็ก กู่สวนแตง ตอนที่ 3

ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์  กู่สวนแตง อ.บ้านใหม่ชัยพจน์ จ.บุรีรัมย์

หลังจากอาบน้ำอาบท่า แต่งเนื้อแต่งตัวเรียบร้อยแล้วทั้งคู่ไปที่ร้านอาหารสี่แยกตลาดสดในเมือง เขานั่งมองดูผู้คนเดินไปมาหาซื้ออาหารกันขวักไขว่ พวกซื้อก็ซื้อ พวกขายก็ขาย ดูวุ่นวาย จอแจ
บุญเพ็ง สั่งกาแฟดำ ส่วนยุกต์ เริ่มด้วยข้าวราดแกงส้มผักรวมแล้วต่อด้วยชาร้อน ยุกต์ดื่มกาแฟไม่ได้ ดื่มแล้วใจสั่น ถ้าเป็นชาพอได้
“แกจะไปกู่สวนแตงทำไมวะ” บุญเพ็งถาม
“กรมฯสั่งให้มาสำรวจ ทีแรกจะขับรถมาเองแล้วแต่เห็นแกอยู่ที่นี่เลยมารถไฟดีกว่า”
“มาสำรวจไปทำอะไรล่ะ”
“เพื่อการบูรณปฏิสังขรณ์ เขาว่าได้งบรวมมาแล้ว และกู่สวนแตงเป็นแห่งหนึ่งที่จะได้รับงบนี้ด้วย” ยุกต์อธิบายไปด้วย กินข้าวไปด้วย
“กรมฯอาจจะทำเองหรือให้บริษัทรับเหมาทำ” ยุกต์พูดต่อ
“ดี..ใครทำก็ได้..จะได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของบุรีรัมย์อีกแห่งหนึ่ง” บุญเพ็งพูดสนับสนุน
ยุกต์เริ่มเสริมว่า “กะว่าจะทำให้เสร็จสมบูรณ์เลยทีเดียว ทั้งบูรณะ และปรับภูมิทัศน์”
“ดี..แล้วจะเอาทับหลังกลับมาติดตั้งไว้ที่เดิมหรือเปล่าล่ะ” บุญเพ็งถาม
“เรื่องเอาทับหลังกลับมาไว้ที่เดิมนั้น พับไปได้เลย กรมฯ ไม่มีนโยบายอย่างนั้น กลัวจะหายไปอีก
“นโยบายคือจำลองหรือทำของปลอมไปติดตั้งแบบเดียวกับปราสาทเขาน้อยสีชมพู จังหวัดสระแก้ว ที่แกทำใช่ไหม”? บุญเพ็งถามอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“อาจทำอย่างนั้นก็ได้ เท่าที่กันทดลองทำไปแล้วไม่เห็นมีใครว่าอะไร มีแต่แกนี่แหล่ว่า” ยุกต์พูดกวนๆ
“เพราะเขาไม่รู้น่าว่า เป็นของจริงหรือของปลอม” บุญเพ็งโต้ พร้อมยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่ม
“หรือแกพอใจที่ตบตาเขาได้” บุญเพ็งกล่าวหา
“ไม่ใช่อย่างนั้น ของจริงมันมีค่า เกิดหายไปอีกก็ ใครจะรับผิดชอบ” ยุกต์พยายามอธิบาย
“เลยเอาของปลอมไปใส่แทน ง่ายดี ใช่ไหมล่ะ”
“คิดดูซิ” บุญเพ็งอธิบาย “ตั้งใจว่าจะไปดูทับหลังปราสาท แต่ปรากฏว่า ทับหลังที่ติดตั้งอยู่เป็นของปลอม”
มันเสียความรู้สึก แกรู้หรือเปล่า มันเป็นการทำร้ายโบราณสถาน อยากใช้คำว่าข่มขืนด้วยซ้ำไป”
“ว่าไป ว่าให้สะใจแก” ยุกต์ ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม และนั่งฟังบุญเพ็งต่อว่าต่อขานอย่างอารมณ์ดี
“ยกตัวอย่างนะ เช่น เราหวังจะไปชมสิ่งของที่จัดอยู่ในระดับล้ำค่า แล้วอุตส่าห์ดั้นด้นไปจนถึงที่ แต่ปรากฏว่าสิ่งที่ได้เห็นนั้นเป็นเพียงของปลอม คิดดูซิวะ มันจะเซ็งขนาดไหน กันเลยไม่ไป ไม่รู้จะไปดูอะไร มีเพื่อนไปดูมาแล้วบอกว่าทุเรศที่สุด” บุญเพ็ง เว้นจังหวะ “อย่างนี้เรียกว่าดูถูกกัน”
“คงไม่ถึงกับอย่างนั้นหรอก” ยุกต์แก้ต่าง
“ตอนนี้ปราสาทเขาน้อยเลยหมด ไม่เหลือแม้แต่วิญญาณแย่มากๆ” บุญเพ็งสบถ
“อันนี้เป็นความรู้สึกของแกกับเพื่อนแก คนอื่นเขาคงไม่รู้สึกด้วย ซึ่งจะเอามาเป็นบรรทัดฐานอะไรไม่ได้” ยุกต์เถียง
“เอางี้ดีกว่า” บุญเพ็งสรุป “หยุดพูดเรื่องนี้กันเถอะ ขืนพูดไปเกิดเรื่องแน่ๆ”
“ดีเหมือนกัน เก็บไว้ไปที่กู่สวนแตงแล้วค่อยว่ากันใหม่ดีกว่า อาจได้ข้อสรุปที่เหมาะสมก็ได้”

Comments are closed.