หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน จดหมายจากพ่อ 3

evil.net

มีนาคม ๒๕๕๗
ลูกจ๋า มีหัวใจคาถาอยู่บทหนึ่ง เรียกว่าคาถาเปรต คือ ทุ สะ นะ โส เป็นคาถาธรรมบท เรื่อง บุรุษคนใดคนหนึ่ง มีเรื่องย่อบางส่วนดังนี้ มีบุรุษ ๔ คน ตกอยู่ในโลหกุมภีนรกหรือนรกหม้อโลหะ ที่มีความลึก ๖๐ โยชน์ บุรุษทั้ง ๔ ถูกไฟนรกไหม้กลิ้งไปมา ดุจข้าวสารในหม้อที่กำลังเดือดพล่านจมลงไปยังพื้นภายใต้ เป็นเวลา ๓ หมื่นปี แล้วลอยขึ้นมา ถึงที่ขอบปากหม้อ ๓ หมื่นปี สัตว์นรกเหล่านั้นยกศีรษะขึ้น ปรารถนาที่จะกล่าวคาถาตนละคาถา แต่ไม่มีเวลาพอที่จะกล่าวได้ทั้งหมด ตนที่หนึ่งกล่าวคำว่า ทุ แล้วก็จมหายไป ตนที่สองกล่าวว่า สะ แล้วจมหายไป ตนที่สามกล่าวว่า นะ และตนที่สี่กล่าวว่า โส แล้วหมุนกลับไปสู่โลหกุมภีอย่างเดิม
ทุกคืนที่พระเจ้าปเสนทิโกศลเข้าบรรทม จะได้ยินเสียง ทุ สะ นะ โส จนไม่สามารถบรรทมหลับได้ พระองค์ไม่เข้าพระทัยจึงเสด็จไปถามพระบรมศาสดา
พระบรมศาสดา ทรงแสดงคาถาที่สัตว์นรกนั้น กล่าวไม่เต็ม ทำให้เต็มว่า
“ทุ คือ ทุชฺชีวิตมชีวิมฺหา เยสนฺโน น ททามฺหเส วิชฺชมาเนสุ โภเคสุ ทีปํ นากมฺห อตฺตโน
คำแปล ลำบากจริงๆ เมื่อครั้งเราร่ำรวย เราก็ไม่ให้ทาน ไม่หาที่พึ่งไว้แก่ตัว
สะ คือ สฏฺฐี วสฺสสหสฺสานิ ปริปุณฺณานิ สพฺพโส นิรเย ปจฺจมานานํ กทา อนฺโต ภวิสฺสติ
คำแปล หกสิบพันปีแล้ว ที่เราหมกไหม้อยู่ในนรก เมื่อไรจะสุดสิ้นกันเสียสักที
นะ คือ นตฺถิ อนฺโต กุโต อนฺโต น อนฺโต ปฏิทิสฺสติ ตทา หิ ปกตํ ปาปํ มม ตุยฺห¬ฺจะ มาริสา
คำแปล ไม่มีที่สิ้นสุดละ จะเอาที่สิ้นสุดมาจากไหน จะมีที่สิ้นสุดได้อย่างไร เพราะบาปแต่ครั้งนั้นของพวกเรายังไม่หมดนี่เพื่อน
โส คือ โสหํ นูน อิโต คนฺตฺวา โยนึ ลทฺธาน มานุสึ วท¬ฺ¬ุ สีลสมฺปนฺโน กาหามิ กุสลํ พหุ
คำแปล เออน่ะ เมื่อไรเราพ้นจากที่นี้ไปเกิดเป็นมนุษย์ จะตั้งใจรักษาศีล หาความรู้และทำบุ¬ญให้อักโขทีเดียว” (เสฐียรโกเศก.๒๕๐๕-๒๕๐๖ : ๓๐๓๙-๓๐๔๐)
พระบรมศาสดา ครั้นตรัสคาถาเหล่านี้โดยลำดับแล้ว จึงตรัสว่า บุรุษทั้ง ๔ นั้น ปรารถนาจะกล่าวคาถาตนละคาถา เมื่อไม่อาจจะกล่าวได้ กล่าวตนละอักษรเท่านั้น และลงไปสู่โลหกุมภีนั้นอีก ด้วยประการฉะนี้
ที่พ่อยกเรื่องนี้มาบอกลูกก็เพื่อให้ลูกรู้ว่า ใครที่ไม่ได้สอนลูกเรื่องพรหมวิหารสี่ จะไปตกอยู่ในโลหกุมภี หรือ นรกหม้อโลหะที่ไฟนรกไหม้กลิ้งไปมาดุจข้าวสารในหม้อที่กำลังเดือดพล่านจมลงไปยังพื้นภายใต้ เป็นเวลา ๓ หมื่นปีแล้วลอยขึ้นมา ถึงที่ขอบปากอีก ๓ หมื่นปี เขายกศีรษะขึ้น ปรารถนาที่จะกล่าวคาถาสอนลูกได้เพียงว่า เม แล้วจมหายไป เมื่อโผล่ขึ้นมาใหม่กล่าวได้เพียงว่า กะ แล้วก็จมหายไป และโผล่ขึ้นมากล่าว มุ และกล่าว อุ แล้วหมุนกลับไปสู่โลหกุมภีอย่างเดิม
หัวใจคาถา เม กะ มุ อุ เป็นคาถาที่มาจากคาถาเต็มว่า เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา อันเป็นหัวใจคาถาพรหมวิหาร ๔ หรือ คาถาหัวใจพระธรณีที่พ่อเคยบอกลูกนั่นเอง
ส่วนอานิสงส์ของผู้ที่มีพรหมวิหารธรรม ปรากฏในมิลินทปัญหา คัมภีร์สำคัญ บันทึกคำสนทนาโต้ตอบปัญหาธรรม ระหว่างพระนาคเสนกับพระยามิลินท์ ที่มีหลักฐานว่าแต่งขึ้นเมื่อพระพุทธศาสนาล่วงแล้ว ๕๐๐ ปี กล่าวว่า “มี ๑๓ ประการ คือ ๑, นอนเป็นสุข ๒, ตื่นก็เป็นสุข ๓, ฝันดีเป็นมงคล ๔, เป็นที่รักใคร่ของหมู่มนุษย์ ๕, เป็นที่รักใคร่ของพวกอมนุษย์ ๖, เทพยดาย่อมรักษา
๗, เพลิงหรือพิษหรือศาสตราวุธย่อมไม่ตกต้อง ๘, จิตย่อมมั่นคง ๙, ผิวหน้าผ่องใส ๑๐, จะตายก็มีสติ ๑๑, ถ้ายังไม่ได้บรรลุมรรคผลก็ไปเกิดยังพรหมโลก” (แก้วชาย ธรรมมาชัย.ปัญหาพระเจ้ามิลินท์.
สำนักพิมพ์ตรงหัว.มปป:๑๔๐)
ส่วนผู้ที่ขาดพรหมวิหารสี่ จะมีลักษณะตรงกันข้ามทุกประการ ลูกลองส่องกระจกดู
ลูกจะเห็นได้ไม่ยากว่า ลูกเป็นคนอย่างไร
รักลูกเสมอ
พ่อ
โปรดติดตามตอนต่อไป

 

 

Comments are closed.