เรื่องสั้น เหตุเกิดที่ ม.สารขัณฑ์ (ม.329)

เรื่องสั้น  เหตุเกิดที่ ม.สารขัณฑ์ (ม.329)

16

มีนา จัน รายงาน สถานการณ์ที่มหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ในขณะนี้ว่า  อยู่ในขั้นวิกฤต หลังจากที่คณาจารย์ได้ทำหนังสือถึงสภามหาวิทยาลัยเพื่อให้รักษาการอธิการบดี ที่มิชอบด้วยกฏหมาย มหาวิทยาลัยสารขัณฑ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากไม่มีคำสั่งแต่งตั้ง ซึ่งเป็นการปฏิบัติไปตามหน้าที่โดยสุจริต ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 329 ผู้ใดแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริต

(1) เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม

(2) ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่

(3) ติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัย ของประชาชนย่อมกระทำ หรือ

(4) ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรม เรื่องการดำเนินการอันเปิด เผยในศาลหรือในการประชุม

ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

แต่รักษาการอธิการบดีซื่อบื้อ ไม่ได้ศึกษากฏหมาย ได้ให้ทนายหญิง ยื่นฟ้องคณาจารย์ทั้งหมด 7 คนที่ลงชื่อ  ด้วยข้อหา ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

เท่านั้นยังไม่พอนะครับ รักษาการอธิการบดียังมีคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสอบสวนเอาความผิดทางวินัยกับคณาจารย์ทั้ง 7 ท่าน อีกกระทงหนึ่งด้วย  ซึ่งถือได้ว่าเป็นการข่มขู่คู่ความ และออร์เดอร์ประธานกรรมการสอบสวน ระดับ ศ.ดร.ชีวะ จาก ม. อีสานเหนือชื่อดัง มาจัดการ  นี่มันอะไรกัน จะสต๊าฟ อาจารย์ทั้ง 7 ท่านกันเลยหรือนี่  อะไรจะปานนั้น 

ที่ผมนำเสนอข้อมูลตรงนี้มาเสนอก็เพื่อให้ประชาคมชาวมหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ได้พิจารณาถึงการกระทำอันโหดร้าย ทารุณ ของรักษาการอธิการบดีที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย ว่าสมควรหรือไม่ ที่นอกจากจะฟ้องเอาผิดทางอาญากับอาจารย์ทั้ง 7 ท่านแล้ว ยังจะเอาผิดทางวินัยอีกโสดหนึ่งด้วย  ช่างเป็นคน สกปรก โสโครก กักขฬะ จริงๆ

ตามข่าวกล่าวว่า การประชุมสภามหาวิทยาลัยในเรื่องดังกล่าว เป็นการประชุมลับ แต่ปรากฏว่ามีคณบดี คณะเปรตศาสตร์ ซึ่งเป็นกรรมการสภาฯจากฝ่ายบริหาร นำข่าวมาบอกกับรักษาการอธิการบดี (เถื่อน) ซึ่งเป็นแม่งมัน 

เรื่องนี้ ผู้สันทัดกรณีให้ความเห็นว่า “กรรมการสภามหาวิทยาลัย ถ้านำเรื่องในวาระลับ ที่ยังอยู่ในระหว่างการประชุม พิจารณาไม่แล้วเสร็จและไม่มีข้อยุติ ไปบอกเล่า ให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาทราบ บุคคลคนนั้น ก็ไม่สมควรที่จะปฏิบัติหน้าที่ เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย ได้ต่อไปแล้ว

ฉะนั้น นายกสภามหาวิทยาลัย หรือกรรมการสภามหาวิทยาลัย ต้องนำเรื่องนี้ เข้าไปหารือในที่ประชุมสภามหาวิทยาลัย เพื่อดำเนินการ ถอดถอนให้พ้น จาก กรรมการสภามหาวิทยาลัยตามมาตรา17(5) แห่ง พรบ.มหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ.2547ทันที เพราะกรรมการคนดังกล่าว มีความประพฤติเสื่อมเสีย บกพร่องต่อหน้าที่และได้กระทำผิด ในคดีอาญาตามมาตรา 157 ด้วย” 

มีผู้แสดงความคิดเห็นว่า “ถอดถอน..และควรพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ราชการด้วย”

ซึ่งผู้สันทัดกรณี ตอบว่า “มาตรา 157โทษจำคุก ถูกไล่ออกจากราชการเป็นของแถมอยู่แล้วครับ”

ปวดหัวครับ ทำไมที่มหาลัยแห่งนี้ ถึงมีแต่คนอยากจะติดคุกนะ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *