เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน ความมืดบอด

dark

จิปาถะ
เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน ความมืดบอด
1
เมื่อขันทะ เพื่อนสมัยเรียนเพาะช่าง นักเขียนนวนิยาย “ซามูไรตะวันเพลิง” ที่เผยแพร่ในบางกอกรายสัปดาห์ กับเลิศบุญ นักเขียนแบบเรียนศิลปะ มาหาที่บ้าน ทั้งสองเป็นทีมงานที่คิดทำวารสารประเภทนวนิยายและเรื่องสั้นซึ่งเตรียมจะวางตลาดในเร็วๆนี้ พวกเขามาเยี่ยมผม มาขอคำปรึกษาและขอเรื่องสั้นไปเผยแพร่ในฉบับปฐมฤกษ์
เมื่อทั้งสองนั่งลงที่ม้าหินขัดในสวนเล็กๆที่ร่มรื่นหน้าบ้าน ตีน คับ ใจ (ชาสามแก้ว) ก็ถูกนำมาเสริฟเพื่อสร้างบรรยากาศสมัยที่ผมเรียนอยู่ที่อินเดียให้เพื่อนดู
ผมส่งต้นฉบับเรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอนความมืดบอด ให้ขันทะ เขารับไปและหยิบแว่นตาขึ้นมาสวมด้วยความกระตือรือร้นที่จะอ่าน
เมื่อขันทะอ่านจบ เขาวางต้นฉบับลงบนโต๊ะ หน้าตาบอกบุญไม่รับ ยกถ้วยชาขึ้นดื่ม
“เป็นอย่างไรบ้างเพื่อน” ผมถาม
“เผยแพร่ไม่ได้หรอก” ขันทะพูดเสียงขุ่น แสดงสีหน้าผิดหวัง
“ทำไมล่ะ”
“ตัวละครของแกมันเลวเกินคน แกคิดความเลวร้ายของตัวละครของแกได้อย่างไรวะ” ขันทะถาม
ผมไม่ตอบ
“นางแต้ม” ของแกมันเลวชาติ หมาไม่แดก เป็นถึงอธิการบดี เป็นครูบาอาจารย์ คิดทำแบบนั้นได้อย่างไร…
เรารับไม่ได้จริงๆและคิดว่า เรื่องสั้นของแก ถ้าเผยแพร่ไปจะทำให้เสื่อมเสียศีลธรรม อาจทำให้เยาวชนที่อ่านนำไปตัวอย่างประพฤติเสื่อมเสียได้ ดีไม่ดีวารสารที่กำลังคิดทำอยู่ อาจโดยแบนไปเสียก่อนก็ได้”
2
“เรื่องเป็นอย่างไรวะ ขออ่านหน่อย” เลิศบุญที่นั่งอยู่ข้างๆเอื้อมมือหยิบต้นฉบับไปอ่าน
ผมบอกเลิศบุญว่า “อ่านดังๆ เลยเพื่อน จะได้ช่วยกันพิจารณา”
“ได้” เลิศบุญเริ่มอ่าน
“ผศ.ดร.ก้อนเงิน นั่งลงบนโซฟาในที่ทำงานของผม เจ้าหน้าที่นำน้ำเย็นมาเสริฟ ผมเดินไปทักทายเพื่อนจับมือเขย่า “ไม่ได้พบกันนานเลยนะ มีเรื่องอะไรหรือเพื่อน”
“อยากมาปรึกษาสักหน่อย”
“โทรมาก็ได้นี่หว่า”
“มันสู้คุยแบบนี้ไม่ได้”
“งั้นว่ามาเลยเพื่อน”
3
“ตอนนี้เราเป็นที่ปรึกษาของนักศึกษาในระดับปริญญาเอก ซึ่งได้ทำเรื่องขอสอบจบในเดือนพฤศจิกายน 2558 นี้ แต่ปรากฏว่าทางมหาวิทยาลัยไม่อนุญาตให้นักศึกษาสอบ โดยอ้างว่าเราขาดคุณสมบัติการเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา”
“เอ้า ! ทำอย่างนั้นได้ไง ก็เป็นที่ปรึกษากันมาตั้งแต่นักศึกษาเข้าเรียนแล้วมิใช่หรือ”
“ใช่…แต่ตอนนี้เขาอ้างประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา พ.ศ. 2558 ที่เพิ่งออกมาใหม่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมานี้เองว่า ที่ปรึกษาจะต้องเป็นอาจารย์ประจำ”
“ก็เพื่อนเป็นอาจารย์ประจำมิใช่หรือ”
“ใช่ แต่เราเกษียณปีนี้พอดี”
“ก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกัน เพราะประกาศกระทรวงฯ ไม่มีผลย้อนหลังอยู่แล้ว…
ที่สำคัญเพื่อนเป็นที่ปรึกษามาจนนักศึกษาจะจบอยู่แล้ว ไม่น่าจะนำมาเป็นข้ออ้างไม่ยอมให้นักศึกษาสอบ”
“ใช่ ไม่มีใครเขาทำกันหรอก”
“แล้วนางแต้มเขาทำอย่างไรล่ะ”
“เขาก็บอกให้นักศึกษาบันทึกขอเปลี่ยนอาจารย์ที่ปรึกษานะซิ”
“เอ้า ! ทำไมมันถึงบ้าบอคอแตกอย่างนั้น”
“แต่นั่นแหละ ถ้าเพื่อนไม่ยอม เขาก็ทำอะไรไม่ได้”
“ถูกต้อง แต่ถ้าเราไม่ยอม นักศึกษาก็จะไม่ได้สอบและไม่จบ เพราะกำลังจะหมดเวลาเรียนพอดี”
“เลวสุดๆ เป็นครูกันได้อย่างไรกันวะ ใช้นักศึกษามาเป็นเงื่อนไขเพื่อทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม”
“แต่ผมว่า ไอ้เรื่องอย่างนี้ “นางแต้ม” มันทำคนเดียวไม่ได้หรอกนะ มันต้องเข้าสภามหาวิทยาลัยฯไม่ใช่รึ”
“ไม่มีใครคิดว่าที่นี่มีสภามหาวิทยาลัยฯ กันแล้ว”
“เวรกรรม” ผมอุทาน
“แล้วเพื่อนจะทำอย่างไรต่อไปล่ะ”
“เมื่อนักศึกษามาขอเปลี่ยนที่ปรึกษา เราก็ต้องเซ็นให้นะซิ”
“เออ! ดีแล้วละ ขันทะ อย่าไปยุ่งกับแม่มันเลย ปล่อยให้ไอ้พวกพ่อแม่ไม่สั่งสอนมันเลวของมันไปเถอะ”

เมื่อ เลิศบุญ อ่านจบ เขาเงยหน้าขึ้นมาถามผมว่า “เพื่อนคิดเรื่องเลวๆอย่างนี้ได้อย่างไรวะ”
“ผมบอกเปล่า ผมไม่ได้คิด “มันเป็นเรื่องจริง”
…….

Comments are closed.