เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน สิ่งชั่วคราว

talks

จิปาถะ
เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน สิ่งชั่วคราว
1
บ่ายวันหนึ่ง ช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา เมื่อผมนั่งอยู่กับ อาจารย์ทน ความร้อน อาจารย์ศิลปะที่เป็นลูกศิษย์ และอดีตเพื่อนร่วมงาน ที่ร้านอาหารข้างทางหลวงหมายเลข 226 ช่วงบุรีรัมย์-ลำปลายมาศ นั้น ผมรู้สึกสบายอารมณ์และเป็นสุขใจ อย่างบอกไม่ถูกในความสัมพันธ์ระหว่างครูกับศิษย์ที่ได้มานั่งดื่มเบียร์ด้วยกัน
แต่นั่นแหละ อารมณ์เช่นนี้มิได้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่มันได้เกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้นหลายต่อหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ผมพานักศึกษารุ่นเดียวกับ ทน ความร้อน ออกไปศึกษาโบราณสถานประเภทปราสาทในเขตอีสานใต้
แต่วันนี้ อาจารย์ทน ความร้อน ดูจะไม่ค่อยสบายใจนัก สังเกตได้จากใบหน้าของเขาปรากฏริ้วรอยของความวิตกกังวล ที่บ่งบอกถึงความคับข้องใจอะไรสักอย่างอยู่บ้างพอสมควร ดังนั้น ยังไม่ทันที่เด็กเสิร์ฟจะนำเบียร์มาเสิร์ฟ ทน ความร้อน ก็เอ่ยถามผมขึ้นมาก่อนว่า
“อาจารย์ครับ อาจารย์รู้ไหมว่า เขาจะรื้อภาคศิลป์และไล่พวกเราไปอยู่ที่อื่นแล้ว”
“ได้ยินแว่วๆมาเหมือนกัน เขาจะให้ไปอยู่ที่ไหนล่ะ” ผมตอบและถามต่อเนื่องกัน
“เขาว่าจะให้ไปอยู่ที่ตึกครุศาสตร์ก่อนเป็นการชั่วคราว”
ผมตอบว่า “ก็ดี”
“หมายความว่าอย่างไรครับ อาจารย์ ที่ว่าก็ดีนะ” อาจารย์ทน ความร้อน เน้นย้ำเหมือนไม่ค่อยพอใจในคำตอบ
“ก็หมายความว่าดีนะซิ จะอย่างไรเสียอีกล่ะ”
“อาจารย์ไม่อาลัยภาคศิลป์แล้วหรืออย่างไร อยู่กันมา 40 กว่าปี เขาว่ากันว่าอาคารภาพพิมพ์ โรงปั้นก็สร้างขึ้นในสมัยอาจารย์”
“ก็ใช่อยู่ แต่ก็สมัยของอาจารย์คนอื่นๆด้วย ไม่ใช่ผมคนเดียว”
“อาจารย์พูดเหมือนหมดความผูกพันกับภาคศิลป์เสียแล้ว”
“ยัง ยังมีความผูกพันอยู่เต็มร้อย แต่เธอต้องเข้าใจ ไม่มีสิ่งใดดำรงอยู่ได้ตลอดไป ไม่วันนี้หรือวันหน้าก็ต้องรื้อทิ้งไปวันยังค่ำดูอย่างสะพานข้ามแยกเกษตร ซิ ยังถูกรื้อทิ้งเลย”
2
อาจารย์ทน ความร้อน รินเบียร์เย็นเฉียบ ส่งให้ผมก่อนที่จะรินของตัวเอง พร้อมกับเลื่อนจานหมูแดดเดียวกับถั่วทอดเข้ามาใกล้ผม จากนั้นยกเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวหมด รินใหม่แล้วว่างลงบนโต๊ะ ทำเหมือนรอว่าผมจะพูดอะไรต่อไป
“เรามักพยายามกันทุกวิถีทางที่จะรักษาสิ่งต่างๆให้เหมือนกับที่เป็นอยู่ในขณะนี้ เพราะว่ามนุษย์นั้นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่มักคร่ำครวญและโศกเศร้าต่อสิ่งชั่วคราวที่ไม่ยั่งยืนทั้งหลาย ไม่ว่าเราจะเศร้าหรือพยายามต้านทานมันอย่างไรก็ตาม ไม่มีทางที่เราจะหยุดการเลื่อนไหลของสิ่งใดได้ ในทางกลับกัน หากเราเพียงมองเห็นสิ่งต่างๆตามที่มันเป็นและเลื่อนไหลไปกับมัน เราอาจจะพบความสุขของชั่วขณะนั้นๆแทนก็ได้ เพราะชีวิตของมนุษย์ก็เป็นเพียงสิ่งชั่วคราวด้วยเช่นกัน”
เมื่อผมยกคำพูดของภิกษุณีชุนโด อาโอยามา แห่งวัดฝึกหัดไอจิ เซ็มมน นิโซโด ประเทศญี่ปุ่น (2549:3-4) จบลง ใบหน้าของอาจารย์ทน ความร้อน ที่ดูเคร่งเครียดมาตั้งแต่เริ่มตั้งคำถามก็ผ่อนคลายลงไปบ้าง
3
แต่กระนั้น อาจารย์ทน ความร้อน ก็ยังตั้งคำถามอย่างคาดครั้นกับผมต่อไปว่า “ผู้บริหารที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ทำให้การทำงานอึดอัดมาก “อำนาจ” นี่มันเป็นอย่างไรกันครับอาจารย์”
“เธอหาเรื่องมาให้ครูอีกแล้วซินะ”
“นิดเดียวครับอาจารย์”
“เรื่องนี้ผมเคยพูดไปแล้วนะ “ในนิรวาณสูตร ปรากฏข้อความว่า “แม้ว่าจะเป็นน้ำเหมือนกัน เมื่อวัวกินเข้าไป น้ำจะกลายเป็นนม แต่เมื่องูกินเข้าไป น้ำจะกลายเป็นพิษงู”
4
ผมบรรยายต่อไปว่า “อำนาจนั้นเปรียบเหมือนกับน้ำ งดงาม บริสุทธิ์สะอาด ถ้าผู้ใช้อำนาจมีคุณธรรมจริยธรรมก็จะใช้อำนาจนั้น ให้เกิดประโยชน์สุขแก่ผู้คนทั่วไป แต่ถ้าผู้ใช้อำนาจนั้นขาดคุณธรรมจริยธรรมก็จะใช้อำนาจนั้นสร้างความเดือดร้อนเสียหายได้เป็นอเนกอนันต์”
5
ผมหยุดนิดหนึ่ง ก่อนที่จะพูดต่อไปว่า “เธอเคยอยู่แถวภาคเหนือนี่ “ทน” เคยเห็นน้ำป่าไหมล่ะ น้ำป่าที่ไหลลงมาจากบนภูเขานะ มันจะไหลลงมาอย่างรวดเร็วด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ตามธรรมชาติของน้ำ ตลอดทางได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า ให้พินาศย่อยยับไป ไม่มีสิ่งใดที่จะยับยั้งได้ แต่ท้ายที่สุด น้ำก็จะไหลลงมานอนสงบนิ่งอยู่บนพื้นราบ แทรกซึมเข้าไปตามพื้นดิน หรือไหลหายลงไปในทะเล
ผู้ใช้อำนาจไม่เป็นธรรมก็เช่นเดียวกัน ใช้อำนาจอย่างไร้ระเบียบและระบบไปตามธรรมชาติของความบ้าคลั่ง และได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่กรีดขวางด้วยความโลภมากของตนเอง ไม่มีใครจะขัดขวางหรือหยุดยั้งได้ แต่ท้ายที่สุด อำนาจนั้นก็จะสูญสิ้นไปเอง เพราะมันเป็นเพียงสิ่งชั่วคราว”
เมื่อผมพูดจบ สีหน้าของอาจารย์ทน ความร้อน ดูสดชื่นแจ่มใสขึ้นอย่างผู้ตื่นรู้ ก่อนจากกัน อาจารย์ทน พูดกับผมว่า “ครับ อาจารย์ เรื่องนี้จบแล้วครับ โปร่งโล่งไปจริงๆครับ ผมจะไม่อาลัยต่อสิ่งชั่วคราวเหล่านั้นอีกต่อไป”
……….
อ้างอิง
ภิกษุณีชุนโด อาโอยามา,ช่อฟ้า เจตนาวีระบุตร แปล.(2549).งามอย่างเซน เมล็ดพันธุ์แห่งธรรม จากมุมมองของ
ผู้หญิง.นครนายก: เสมสิกขาลัย.

Comments are closed.