จิปาถะ
เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน วิบากกรรม
168
“ท่านตึกและท่านสุ เธอจำได้ไหม เมื่อหลายวันก่อนฉันได้ว่าไอ้พวกที่จับฉันมาขังว่าเป็นพวกปัญญาอ่อน หรือไอ้พวกสมองไดโนเสาร์ ซึ่งฉันคิดว่าพวกเธออาจจะสงสัยว่าทำไมฉันจึงได้ว่าไอ้พวกนั้นเป็นพวกสมองไดโนเสาร์ ฉันจะอธิบายให้ฟังนะ สมมุติว่าเธอทั้งสองนั่งฟังฉันอยู่ตรงนี้ก็แล้วกันนะ ฉันจะฉีกกระดาษแผ่นเล็กๆว่างที่พื้นเพื่อให้รู้ตำแหน่งว่าเธออยู่ตรงนั้น ตรงนี้ ” จากนั้นนางแต้มจึงเริ่มอธิบาย
“ทุกชีวิตในโลกปัจจุบันต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จและอำนาจสูงสุด ไม่ว่าเธอจะอยู่ในแวดวงธุรกิจ การเมือง หรือแม้ในการดำรงชีวิตประจำวัน การที่จะได้สิ่งเหล่านี้มาเป็นเรื่องที่เธอจะต้องศึกษาและตัดสินใจโดยใช้สมองซึ่งเป็นตัวจักรสำคัญที่จะนำไปสู่จุดมุ่งหมายนั้นๆ ทุกคนต่างก็มีสมอง สมองนั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วน แต่ละส่วนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ส่วนหนึ่งมีเหตุมีผล แต่อีกส่วนหนึ่งกลับไม่มีเหตุมีผล ซึ่งเราเปรียบมันว่า เป็น “สมองไดโนเสาร์”(Albert.คำนำ)
169
“ท่านสุและท่านตึกรู้ไหม ทำไมเขาจึงเปรียบเทียบอย่างนั้น ทั้งนี้เพราะ ไดโนเสาร์เป็นผลงานที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้น แต่สร้างให้มีขนาดใหญ่โตเกินไปไม่สัมพันธ์กับสมองที่มีขนาดเล็กมาก เท่ากับเม็ดเกาลัดเท่านั้นเอง ดังนั้นมันจึงโง ไม่สามารถรักษาเผ่าพันธุ์ไว้ได้ และสูญพันธุ์ไปนานแล้ว…
สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือฟอสซิลของมัน อยากรู้ว่าใหญ่ขนาดไหน ก็ไปดูได้ที่ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง อำเภอเวียงเก่า จังหวัดขอนแก่นโน่น”
“รู้ไหม ท่านสุและท่านตึก คนที่ใช้สมองไดโนเสาร์ จะเป็นพวกชอบใช้กฏเกณฑ์โบราณที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ห่ามๆดิบๆ หรือดิบๆสุกๆ เช่น ออกระเบียบย้อนหลังกำหนดเกณฑ์ให้พวกที่เรียนเกือบจะจบ ต้องนำเสนอผลงานต่อที่ประชุมในระดับนานาชาติ ก็หาวิธีแกล้งให้ลำบากหรือจบยากขึ้นเสียอย่างนั้นแหละ ใครจะทำไม เพราะไอ้พวกนี้มันคนละพวกกับเรา ส่วนไอ้หำเหลี่ยมน้อย ก็หลับหูหลับตาสนับสนุนความคิดชั่วร้ายนั้น ไม่มีใครเขาออกกฎหมายหรือระเบียบย้อนหลังกันหรอก เรียนมาอย่างไงกันวะ แต่ไอ้พวกที่ใช้สมองไดโนเสาร์มันคิดว่าแกล้งคนอื่นเล่นเห็นสนุกดี ส่วนใครจะลำบากยากเข็ญแค่ไหนอย่างไงช่างหัวแม่มัน ไม่ใช่แม่กู นอกจากนั้น ถ้าใครทำอะไรไม่ถูกใจ ก็จะมีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรุนแรงเฉียบพลัน และเป็นพวกชอบเอาตัวรอด พยายามเข้าไปมีอำนาจครอบครองในทุกที่ ก้าวร้าว ข่มขู่ให้กลัวเกรง ฯลฯ เออ! อีกอย่างที่สำคัญ คือ “ชอบรางวัล”
ที่อธิบายมานี่ก็เพื่อจะบอกพวกเธอว่า ที่ฉันประสบผลสำเร็จและมีอำนาจสูงสุดในหน่วยงานนี้ เพราะฉันใช้สมองในส่วนที่ทั้งมีเหตุมีผล และส่วนที่เป็นสมองไดโนเสาร์ เพราะถ้าฉัน ซื่อบื่อ ใช้แต่สมองส่วนที่มีเหตุผลอย่างเดียวไม่ใช้ส่วนที่เป็นสมองไดโนเสาร์บ้าง ฉันคงจะไม่สามารถก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ได้
ที่ว่ามานี่ฉันไม่ได้โออวดพวกเธอนะ จริงอยู่ฉันอาจจะใช้เล่ห์เหลี่ยมบ้าง เพราะการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะนั้น มันเป็นเกม ไม่แพ้ก็ชนะ ไม่มีเสมอ ดังนั้นฉันจึงต้องทำทุกวิถีทาง เช่น “ใช้เล่ห์เหลี่ยม” ความจริงฉันอยากจะใช้คำอื่นที่ตรงๆและแรงจะได้ชัดเจนดี แต่ยกตัวอย่างเอาดีกว่า เช่น การแอบเขี่ยลูก ในกีฬากอล์ฟ ซึ่งนักกอล์ฟไม่มีใครเขาทำเด็ดขาด ให้ไปตายเสียดีกว่าที่จะทำอย่างนั้น แต่ขอโทษนะ พอดีฉันไม่ใช่นักกอล์ฟซะด้วย ฮ่า ฮ่า ฮ่า
……………..
Albert J.Bernstein & Sydney Craft Rosen.( 2535).พิมลจิต แปล.ควบคุมสัญชาตญาณบริหารสมอง
(DINOSAUR BRAINS).กรุงเทพฯ : ธัยยา พับลิเคชั่น.