สองผู้เฒ่า

t&w

จิปาถะ
สองผู้เฒ่า
1. เมื่อวันศุกรที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมา นอกจากผมจะเข้าไปที่ภาควิชาศิลปะ และได้พบกับสภาพที่หดหู่ใจแล้ว ผมยังแวะไปดูเด็กนักเรียนอนุบาล ที่โรงเรียนสาธิต ม.ราชภัฏบุรีรัมย์ด้วย เด็กๆสนุกสนานร่าเริงมาก ตัวเล็กๆน่ารัก พอแกเห็นผมผู้สูงวัยเดินผ่านก็ยกมือไหว้สวัสดี ผมรู้สึกมีความสุขและปลื้มไปกับความงดงามนี้ เลยถ่ายรูปไว้ 2-3 รูป เป็นที่ระลึกไม่ได้เอามาอวด เพราะไม่ได้ขออนุญาตครูอาจารย์เขา
2. จากนั้นผมไปเยี่ยมลุงเทียนชัย ให้ศิริกุล ที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ เพระทราบข่าวว่า ท่านประสบอุบัติเหตุถูกประตูรั้วบ้านล้มทับ อาการค่อนข้างหนัก กระดูกไหปลาร้า,กระดูกเชิงกรานหัก และซี่โครงหักไป 3 ซี่ เคลื่อนไหวไม่ได้
แต่วันที่ผมไปถึงนั้น วิกฤติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดหรืออื่นๆได้ผ่านพ้นไปหมดแล้ว เหลืออยู่แต่นอนพักรักษาตัว ซึ่งจะใช้เวลาสักระยะหนึ่ง จากนั้นก็จะหายเป็นปกติ
3. อาจารย์เทียนชัย ให้ศิริกุล อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ท่านเป็นทั้งวิศวกรและสถาปนิกที่มีผลงานปรากฏอยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์เป็นจำนวนมาก เช่น อาคารศูนย์วัฒนธรรมอีสานใต้ เป็นต้น ผมใช้เวลาคุยกับท่านนานมาก ทั้งนี้เพราะเราไม่ได้พบกันนาน เจอะหน้ากันก็ดีใจ ยิ้มแย้มแจ่มใส ท่านยังพูดหยอกเย้าว่า “นึกว่าจะไม่ได้เจอะกันเสียแล้ว”
4. เมื่อทักทายปราศรัยกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ผมก็เริ่มตั้งคำถาม “ท่านถูกประตูรั้วบ้านล้มทับได้อย่างไร”
ท่านเล่าว่า “วันนั้นขับรถกลับถึงบ้าน กดรีโหมดเปิดประตูรั้วบ้าน ขับรถเข้าบ้านไป และกดรีโหมดปิด ซึ่งก็เป็นไปตามปกติของทุกวันที่กลับถึงบ้าน จากนั้นก็นำของที่ซื้อมาเล็กๆน้อยๆ เดินขึ้นบ้าน แต่ยังไม่ทันเปิดประตูบ้าน มีเสียงดังโคมใหญ่ ตกใจนิดหน่อย หันไปดูปรากฏว่ารถไหลไปชนประตูรั้วบ้าน ทำให้ ล้อประตูหลุดออกจากรางเอียงกระเท่เร่อยู่ ส่วนรถติดแหงกอยู่ตรงนั้น คิดในใจ “ซวยกู ลืมดึงเบรกมือจนได้”…
5. ท่านวางของที่ซื้อและกลับไปที่รถ ขับออกจากบริเวณที่เกิดเหตุ ดับเครื่อง คราวนี้ดึงเบรกมือทันที่ ลงจากรถ เดินหาเหล็กแป๊บได้อันหนึ่งไปงัดให้ล้อประตูกลับเข้าที่เดิม แต่ยังไม่สนิท ตอนนี้ใช้สติ คิดพิจารณาว่า ประตูมันหนัก ทำคนเดียวคงไม่ได้ จึงโทรไปขอให้พรรคพวกส่งช่างมาช่วยทำสัก 2 คน ช่วงนั้นเป็นเวลาใกล้เที่ยงกว่าพวกนั้นจะกินข้างกลางวันเสร็จ มาถึงก็บ่ายแล้ว ก็นั่งรอกระวนกระวายใจอยู่ในบ้าน เมื่อได้ยินเสียงกริ่งประตูดังขึ้น “ใช่แล้ว พวกช่างคงจะมาถึง”
จากนั้นท่านก็เดินไปที่ประตูรั้ว ซึ่งช่างที่มายังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ได้พากันยกประตู ทำให้ประตูล้มเอนลงมา ทับท่านพอดี นอนติดแหงกอยู่ใต้ประตูเหล็กนั่นเอง ผมถามว่า เอ้า ! ก็ท่านเดินหันหน้าไปทางนั้น ประตูล้มลงมาท่านก็น่าจะเห็นนะ ท่านบอกว่า “ใช่ ผมเห็น แต่ผมหนีไม่ทัน” พร้อมกับหัวเราะ ฮึ ฮึ ฮึ
6. หลังจากนอนแหงกอยู่ใต้ประตูเหล็ก ท่านเริ่มตั้งสติ ตรวจสภาพร่างกายตัวเอง ทุกอย่างยังโอเค แต่เคลื่อนไหวไม่ได้ ความเจ็บปวดยังไม่มี ช่างที่มาทั้งสองคนตกใจกับเหตุการณ์และความผิดพลาดที่เกิดขึ้นทำอะไรไม่ถูก ท่านบอกให้ช่างไปหาเหล็กมาเพิ่มอีก 1 ท่อน จะได้ค้ำยันประตูขึ้น เพื่อเอาตัวท่านออกจากใต้ประตูให้ได้ก่อน ช่างได้ใช้เหล็กค้ำประตูไว้ จากนั้นท่านนอนหมุนโทรศัพท์ไปหาลูกสาวทั้งสามคน ให้มาช่วย เล่าถึงตรงนี้ ท่านยิ้มอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะบอกผมว่า “ไม่มีใครรับสายสักคนเดียว”
7. เมื่อติดต่อลูกสาวไม่ได้ ท่านบอกให้ช่างไปเอากระดานหน้า 8 ยาวประมาณ 2.50 เมตร อยู่ตรงด้านโน้น นำมาสอดเข้าที่ใต้ตัวท่าน อย่าให้ตัวเคลื่อนนะ กว่าจะใช้กระดานสอดเข้าไปได้ก็ทุลักทุเลพอสมควร จากนั้นให้ช่างไปหาเชือกมาผูกรัดตัวท่านไว้กับกระดาน เพื่อจะได้นำขึ้นรถส่งโรงพยาบาล แต่จนแล้วจนรอดก็หาเชือกไม่ได้ ท่านจึงบอกว่า เอาเข็มขัดของท่านนี่แหละรัดไว้ และดูเหมือนจะมีผู้ที่อยู่ใกล้เคียงมาร่วมดูเหตุการณ์ถอดเข็มขัดให้อีกเส้นหนึ่ง จากนั้นก็นำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งเหตุการณ์ต่อจากนั้น ก็มีแต่เจ็บกับเจ็บ แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี
ผมถามท่านว่า “ก็ดูลายมือแม่นนี่ ไม่รู้ล่วงหน้าหรืออย่างไร” ท่านบอกว่า “มีเส้นอุบัติเหตุเหมือนกัน นี่ ตรงนี้” พร้อมยกมือชี้เส้นให้ดู “แต่ไม่นึกว่าจะเป็นประตูรั้วบ้าน”
8. ผมเล่าเรื่องของอาจารย์เทียนชัย ให้ฟังพอเป็นออร์เดิร์ฟนะครับ ความจริงตอนคุยกันสนุกมากกว่านี้เยอะเลย มีเกร็ดเล็กๆน้อยๆมากมาย เช่น เรื่องการขับถ่ายทั้งปัสสาวะและอุจาระ ซึ่งทุลักทุเลมาก ฟังแล้วรู้สึกกลัวประตูรั้วล้มทับจนหัวหดเลย ขอให้พระคุ้มครองท่าน และหายไวๆ ครับผม
……………..

Comments are closed.