พ่อ,แม่รักลูก(โพสต์ครั้งแรกเมื่อ 29 มีนาคม 2558)

วันอังคารที่  28 มีนาคม พ.ศ. 2566

จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์ (เรื่องเก่า)

พ่อ,แม่รักลูก(โพสต์ครั้งแรกเมื่อ 29 มีนาคม 2558)

เรื่องของความรักความผูกพันระหว่างพ่อ,แม่,ลูกนั้น อาจถือได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของทุกยุคทุกสมัยก็ว่าได้ คือมีทั้งที่รักกันจนแทบจะกลืนกิน และเกลียดชังกันจนเข้ากระดูกดำ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่สลับซับซ้อน คงต้องค่อยๆว่ากันไป  แต่วันนี้เอาเรื่องพ่อ,แม่รักลูกดีกว่า

คนไทยนั้นได้ชื่อว่าเป็นคนที่รักลูกเอามากๆ รักจนเกือบจะลืมพ่อแม่กันไปเลยก็มี  ซึ่งเป็นลักษณะที่แตกต่างไปจากคนจีนที่จะรักบิดามารดามากกว่า ดังปรากฏในเรื่อง “คนไทยทิ้งแผ่นดิน” เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อแคว้นไทและแคว้นจิ๋นต้องทำสัญญาสงบศึกกัน ฝ่ายไทตั้งข้อเรียกร้องว่า ฝ่ายจิ๋นจะต้องจัดบิดาของขุนนางจำนวนสามร้อยคนให้เป็นตัวประกันอยู่ในแคว้นไท จนกว่าฝ่ายจิ๋นจะจ่ายทองและม้าให้ได้ทั้งหมดตามข้อตกลง

ธงผาผู้ร่วมต่อสู้กับกุมภวา ได้กล่าวแก่ กุมภวา หัวหน้าแคว้นไทว่า “ครั้งหนึ่งเมื่อเราขับไล่ลิตงเจียออกจากเมืองลือ   เตียวเหลียงรับเด็กไทไว้เป็นประกันเพื่อมิให้เราผิดข้อตกลง แต่เมื่อเราประสงค์จะให้ฝ่ายจิ๋นรักษาข้อตกลงบ้าง เหตุใดสูจึงเอาคนชราเป็นประกันเล่า”

กุมภวา กล่าวว่า “เตียวเหลียงเอาเด็กไทเป็นประกันเพราะรู้ว่า คนไทจะไม่ทอดทิ้งลูก แต่ข้าต้องเอาคนชราเป็นประกันเพราะคนจี๋นจะไม่ยอมทิ้งพ่อแม่”(สัญญา.245-246)

เรื่องนี้คงพอจะแสดงให้เห็นได้ชัดในระดับหนึ่งว่า คนไทยรักลูกมากกว่ารักพ่อแม่ โดยเฉพาะความรักของแม่ที่มีต่อลูกนั้น“กล่าวกันว่าเกิดขึ้น “เมื่อแม่ยังเป็นหญิงที่อยู่ในวัยแรกรุ่น มันได้แผ่ซ่านอยู่ภายในดวงใจอันเต็มไปด้วยความห่วงใย ความรู้สึกอันล้ำลึกที่เกิดจากความรักของแม่จะสถิตอยู่ ณ ที่นั้นตลอดมา จนกระทั่งได้กลายมาเป็นความสดใสบนแขนขาของทารก เมื่อเขาปฏิสนธิขึ้นมา”(รพินทรนาถ. 6)

ส่วนที่ว่าแม่หรือพ่อนั้นใครจะรักลูกมากกว่ากัน ก็ยังเป็นเรื่องถกเถียงกันอยู่ แต่เรื่องของแม่รักลูกมักจะมีคนกล่าวขวัญถึงเสมอๆ แต่พ่อรักลูกอาจจะมีน้อยไปสักนิด วันนี้มาฟังเรื่องพ่อรักลูกในเรื่องขำขันประเทืองปัญญาของจีน เรื่อง “หลานชาย” ดูนะครับ

ไอ้จือ มีบุตรชาย ชื่อ กิมจือ  กิมจือแต่งงานแล้ว และมีบุตรชาย 1 คน ชื่อ กิมจ้อ อายุ 10 ขวบ กิมจ้อ เป็นเด็กเกียจคร้าน เกเรไม่สนใจการศึกษาเล่าเรียน ไอ้จือเกรงว่าหลานของตนจะเสียคน จึงได้อบรมสั่งสอนและเฆี่ยนตีเพื่อให้หลานของตนนั้นเป็นเด็กดีมีอนาคต

กิมจือเห็นไอ้จือบิดาลงโทษบุตรของตน เกรงว่าบุตรจะทนไม่ไหว ทุกครั้งที่ลูกถูกลงโทษ กิมจือก็จะขอร้องบิดาของตนให้ยกโทษให้ลูกชาย แต่ไม่เป็นผล  แต่กลับถูกไอ้จือดุดาอีกว่า “ข้าอบรมกิมจ้อลูกเจ้าให้เป็นคนดี  ยังไม่ดีอีกหรือ” แล้วยิ่งลงโทษกิมจ้อหนักมือยิ่งขึ้นไปอีก  กิมจือ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

วันหนึ่งหิมะตก กิมจ้อออกไปเล่นหิมะ ไอ้จือ จึงลงโทษหลานให้ยืนอยู่กลางหิมะ  กิมจือเห็นบุตรของตนตัวสั่นสะท้านด้วยความหนาว จึงถอดเสื้อและออกไปยืนอยู่ข้างๆกิมจ้อลูกของตนท่ามกลางหิมะ

ฝ่ายไอ้จือเห็นดังนั้น รู้สึกประหลาดใจ จึงถามกิมจือว่า “ลูกไม่ได้ทำผิดอะไร เหตุใดจึงไปร่วมรับโทษเช่นนี้”

กิมจือตอบบิดาด้วยเสียงสั่นเครือน้ำตานองหน้าว่า “พ่อทำให้ลูกผมหนาวเจียนตาย  ผมก็ต้องทำให้ลูกของพ่อหนาวเจียนตายด้วย”(หลูหวิ่นจง.21)

ไอ้จือฟังแล้วก็หัวเราะฮึ ฮึ แล้วยกโทษให้หลาน นี่แหละครับความรักของพ่อ

………

อ้างอิง : รพินทรนาถ ฐากูร.(2526).วิฑูร แสงสิงแก้ว แปล.พระจันทร์เสี้ยว.กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์บรรณกิจ.หลูหวิ่นจง(ม.ป.ป.) ถาวร สิกขโกศล แปล.มังกรยิ้ม เรื่องขำขันประเทืองปัญญาของจีน.กรุงเทพฯ : บริษัท นานมี จำกัด

สัญญา  ผลประสิทธิ์.(2552).คนไททิ้งแผ่นดิน.พิมพ์ครั้งที่ 20.กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์เคล็ดไทย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *