ตอบอาจารย์นพรัตน์ เจ๊กไธสง

ramaa

จิปาถะ
ตอบอาจารย์นพรัตน์ เจ๊กไธสง
ผมดีใจมาก ที่ท่านอาจารย์นพรัตน์ เจ๊กไธสงได้แสดงความคิดเห็นใน จิปาถะ เรื่อง พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ที่โพสต์เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2558 ความว่า “น่าจะเป็นประทับอยู่บนหลังช้างศึกนะครับ อาจารย์คงเผลอไปกระมังครับ”
ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่า ที่ผมดีใจ เพราะอยากให้มีคนทักท้วง เพื่อจะได้อธิบาย เรื่องการประทับของพระบรมรูปฯ บนคอช้างศึก หรือ หรือประทับบนพระที่นั่งพุดตานทองหลังช้างศึก ซึ่งผมคิดว่าเป็นปัญหาที่สำคัญมาก เพราะเป็นคำกราบบังคมทูล โดยผู้ว่าราชการจังหวัด ไม่ใช่เรื่องพูดกันเล่นๆ
เมื่อตอนที่จังหวัดนำพระบรมรูปฯมาประดิษฐาน ผมก็สงสัยว่า ทำไม่พระบรมรูปฯจึงไม่ประทับบนคอช้างศึกตามที่ได้กราบบังคมทูลไว้ (ก็สงสัยแบบอาจารย์นพรัตน์นั่นแหละว่า พระบรมรูปฯประทับบนหลังช้าง เห็นกันชัดเจน แต่ทำไมถึงบอกว่าประทับคนคอช้างศึก ) แต่ท่านรู้ไหมว่า ความสงสัยของผมทำให้อธิบดีกรมศิลปากร นายนิคม มุสิกมาคะ (เสียชีวิตแล้ว) แจ้งความดำเนินคดีผมฐานหมิ่นประมาท ซึ่งเป็นคดีอาญา ที่สถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม เมื่อปี 2542
ความจริงผมควรจะเสงี่ยมเจียมตัว เพราะเพิ่งถูกสั่งไม่ฟ้องในคดีที่อธิบดีกรมศิลปกร นายสมคิด โชติกวณิชย์ (เสียชีวิตแล้ว) ได้มอบหมายให้นายประทีป เพ็งตะโก (ปัจจุบัน ผอ.สำนักศิลปกรรมที่ 3 พระนครศรีอยุธยา) นำเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประมาณ 30 นาย เข้าจับกุมดำเนินคดีผมในข้อหามีโบราณวัตถุอันเป็นสมบัติของแผ่นดินไว้ในครอบครอง อันเป็นคดีอาญาเช่นกัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2540
แต่อย่า serious ครับ เพราะทั้งสองคดี อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาดไปหมดแล้ว

สำหรับเรื่องพระบรมรูปฯ ต้องขอบคุณอาจารย์เจ๊กที่ทักท้วงมา ขอชี้แจงตามหลักฐานดังนี้ครับ
เมื่อวันศุกร์ที่ 7 เมษายน 2538 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จมาทำพิธีวางศิลาฤกษ์ พระบรม ราชานุสาวรีย์ฯ ผู้ว่าราชการจังหวัดกราบบังคมทูลว่า “พระบรมรูปฉลองพระองค์แบบนักรบตามขัตติยราชประเพณีโบราณ ประทับอยู่บนคอช้างศึก หล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์” ผมเห็นว่าคำกราบบังคมทูลนี้สำคัญมาก มีเอกสารเป็นหนังสือและภาพประกอบชัดเจน
วันจันทร์ที่ 6 กันยายน 2542 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมารเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปทรงเปิดพระบรม ราชานุสาวรีย์ฯ แต่ปรากฏว่าพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชที่จะนำไปประดิษฐาน พระบรมรูปฯ ประทับบนพระที่นั่งพุดตานทองหลังพระคชาธาร ตามที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน แสดงให้เห็นชัดเจนว่ามีการเปลี่ยนแบบ
ก่อนพิธีอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์ ฯ ขึ้นประดิษฐาน ได้มีประชาชนชาวจังหวัดบุรีรัมย์รวมตัวกันคัดค้าน และตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมจึงมีการเปลี่ยนทิศทางการหันพระพักตร์ของพระบรมรูปฯไปทางทิศเหนือ คือหันพระพักตร์เข้าเมือง ทั้งๆที่แต่เดิมนั้นได้ออกแบบให้หันพระพักตร์ไปทางทิศใต้ คือ ออกนอกเมือง และได้ทำหนังสือขอคำวินิจฉัยไปยังสำนักพระราชวัง ปรากฏเป็นข่าวและมีผู้แสดงความเห็นโต้ตอบกันไปมาในหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับเป็นเวลานาน
ช่วงนั้นได้มีนักข่าวไปขอสัมภาษณ์ผม เรื่องการหันพระพักตร์ของพระบรมรูปฯ ผมได้เปิดประเด็นใหม่ที่ไม่มีใครสนใจโดยให้สัมภาษณ์ว่า การหันพระพักตร์ของพระบรมรูปฯเข้าเมืองหรือออกนอกเมืองนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ความสำคัญอยู่ที่ได้มีการเปลี่ยนแบบ โดยเปลี่ยนที่พระทับของพระบรมรูปฯจากประทับบนคอช้างศึก เป็นประทับบนพระที่นั่งพุดตานทองกลางหลังช้างศึก ทำให้เรื่องราวของพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ ที่กำหนดไว้แต่แรก เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เท่านั้นแหละครับ อธิบดีกรมศิลปากรก็ฟ้องดำเนินคดีผมทันที
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าได้เป็นคนขี้สงสัย แต่ที่อาจารย์เจ๊ก สงสัยว่าผมคงเผลอไปหรือเปล่า ผมไม่ฟ้องหรอกครับ ดีใจอีกต่างหาก
……….
อ้างอิง
จังหวัดบุรีรัมย์.(2538)พิธีวางศิลาฤกษ์พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช.กรุงเทพฯ : จูน พับลิชชิ่ง.
วิสุทธิ์ ภิญโญวาณิชกะ.(2541).การประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
มหาราช. จังหวัดบุรีรัมย์.อยุธยา: สำนักพิมพ์สถาบันราชภัฏพระนครศรีอยุธยา.
ภาพ: พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช. (จังหวัดบุรีรัมย์.พิธีวางศิลาฤกษ์ฯ 2538.-)

Comments are closed.