จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์  (ติดคุกแหงแก๋) (ฉายซ้ำ) โพสต์เมื่อวันจันทร์ที่  2  มค. 66

วันพฤหัสบดีที่  12  มกราคม พ.ศ. 2566

จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์  (ติดคุกแหงแก๋) (ฉายซ้ำ) โพสต์เมื่อวันจันทร์ที่  2  มค. 66

12

ในที่สุด ท่านสุชี๋ ก็ต้องยอมเป็นนายกสภามหาลัยสารขัณฑ์ให้นางแต้มอีกสมัยหนึ่ง เพราะภาระกิจการถ่ายโอนอำนาจให้แจ็ดแจ๋ยังไม่เสร็จสิ้น ทั้งๆที่สุขภาพร่างกายอ่อนเปลี้ยเหลือกำลัง ผอมกะหร่อง อมโรคเหมือนผีตายซาก แต่จำต้องทน เพราะเงื่อนไขที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ส่วนที่ถูกนางแต้มถีบกระเด็นไปแล้วก็คือ ท่านชมบุญ ที่หาเรื่องเอาความเท็จมาบอกนางแต้มให้ฟ้องศาลที่สารคามบุรี และคดีสิ้นสุดแล้ว แบบแพ้ไม่เป็นท่า ท่านชมบุญถูกลอยแพให้ต่อสู้คดีแต่ลำพัง ต้องจ้างทนายเอง และก็จะติดคุกแหงแก๋ วันที่มาประชุมและถูกนางแต้มคัดชื่อออก หน้าขาวซีดยังกับไก่ต้มเกลือเหลือค้างคืน เกือบตาย เสียใจ ที่นี้ก็รอติดคุกซิครับ น่าสงสาร

เพื่อให้เห็นชัดเจนว่าจะติดคุกอย่างไร  ผู้สันทัดกรณี ได้นำข้อกฏหมายพร้อมตัวอย่างมาชี้ให้เห็น ดังนี้   “ก่อนจะฟ้องคดีอาญาใคร ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนครับ เพราะแค่ยื่นคำฟ้องอันเป็นเท็จไป แม้จะอยู่ในแค่ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ก็ถือว่าเป็นฟ้องเท็จ และถือว่าความผิดสำเร็จตั้งแต่ที่เสนอคำฟ้องต่อศาลแล้ว แม้ว่าจะได้ถอนคำฟ้องออกไปในชั้นไต่สวนมูลฟ้องหรือศาลมีคำสั่งไม่ประทับรับฟ้องไว้พิจารณาก็ตาม ดังที่ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 175 บัญญัติว่า

“ผู้ใดเอาความอันเป็นเท็จฟ้องผู้อื่นต่อศาลว่ากระทำความผิดอาญา หรือว่ากระทำความผิดอาญาแรงกว่าที่เป็นความจริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท”

และถ้าได้เบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล และเป็นข้อสำคัญในคดี ซึ่งได้กระทำไปในคดีอาญา ก็จะยิ่งโดนไปอีก 1 กระทง ความผิดที่หนักกว่าฟ้องเท็จ นั่นคือการเบิกความเท็จในคดีอาญา โดยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177 บัญญัติว่า

“ผู้ใดเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ถ้าความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

“ถ้าความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ได้กระทำในการพิจารณาคดีอาญา ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท”

นอกจากนี้ความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 175 และ มาตรา 177 ยังเป็นคดีอาญาแผ่นดิน มิใช่ความผิดต่อส่วนตัวหรือความผิดอันยอมความได้  ดังนั้นผู้เสียหายจึงไม่สามารถถอนฟ้องคดีนี้ได้ ถ้านำสืบได้ว่าผิดจริง ธนาธรต้องติดคุกทันที ยิ่งคดีก่อนที่ธนาธรฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต.ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้นถูกยกฟ้องไปแล้ว กกต.ได้ฟ้องกลับ จึงยิ่งทำให้ธนาธรถูกบีบกลับและแทบไม่มีมีโอกาสรอดคุกจากคดีนี้เลย เนื่องจากโทษค่อนข้างสูง และกระทำผิดถึง 2 กรรม

ที่ออกมาขอโทษเช่นนี้ ก็เพราะรู้ตัวว่าจะไม่รอดแล้ว จากการฟ้องคดีอาญาที่ผิดพลาด ไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนฟ้องให้ดี ซึ่งอาจพอเป็นเหตุให้บรรเทาโทษได้บ้างเท่านั้นเอง”

“เห็นไหมล่ะ คิดคุกแหงแก่ ทั้งชมบุญและนางแต้ม”

…..

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *