จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์  (ยิ้มแป้นเลย)

วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2565

จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์  (ยิ้มแป้นเลย)

กรณีความขัดแย้งระหว่างนางแต้ม อธิการบดี ม.สารขัณฑ์ ตัวละครของคม หักศอก ในจิปาถะ กับคณาจารย์,พนักงานมหาลัยและนักศึกษา  รวมทั้งฝ่ายที่สนับสนุนนางแต้มและฝ่ายตรงข้าม,กรรมการสภาทุกท่าน ตลอดจนญาติโกโหติกาของทุกฝ่าย ต่างได้รับผลกระทบทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ มากบ้างน้อยบ้างกันทั่วหน้า โดยเฉพาะพวกที่ถลำตัวเขาไปสนับสนุนนางแต้มอย่างเต็มตัวและออกนอกหน้า เช่น นายสุชี๋ นายกสภา ท่านชมบุญกรรมการสภาฯจากสารคามบุรี เจ้าส่งเดช และหมอดูตาบอดอันหยี๋ อาจติดร่างแหโดนคุกไปด้วยเพราะดูตามเนื้อผ้าแล้ว นางแต้มนั้นรอดคุกอยากมาก

แต่ใครจะโดนคุกบ้างนั้น อย่าเพิ่งไปพูดถึง ยังอยู่อีกยาวไกล เพราะกรรมนั้นจะไม่ผลีผลาม คือไม่รีบร้อนเกินไปจนไม่ระมัดระวัง หรือไม่ดูกาลเทศะ. แต่จะค่อยๆจัดการไปที่ละเล็กละน้อย อย่างละเอียดตามลำดับ และนั่นคือ ความทุกข์ จากความเจ็บปวด จากการสูญเสียและจากความทุกข์ทรมาน ที่เรียกว่า “ผลกรรม”

ส่วนตอนนี้ ผลกระทบที่ได้รับกันทั่วหน้าก็ คือ อารมณ์ ความรู้สึก ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไร ก็จะมีผลต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจแทบทั้งสิ้น ดังนั้นทุกคนจึงเหมือนคนป่วย ที่จำเป็นจะต้องหาวิธีบำบัดหรือรักษาไปตามอาการ เช่น

คม หักศอก มักจะมีอาการโกรธเกลียดเคียดแค้นชิงชัง เช่น เมื่อรู้ว่า นางแต้มปลดหญิงกล้าออกจากราชการโดยไม่เป็นธรรม ก็จะบำบัดอาการด้วยการอุทานและการเขียนสาปแช่งไปตามเรื่องเพราะไม่รู้จะทำอะไรที่ดีกว่านั้นได้  ซึ่งก็สามารถรักษาอาการดังกล่าวได้ดี เขาจึงมักจะเขียนด่านางแต้ม แบบหยาบๆ จนไม่มีใครอยากอ่านจิปาถะของเขาแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้  เพราะเขาเป็นผู้ป่วยที่กำลังบำบัดรักษา

ส่วนหญิงกล้าก็เจ็บป่วยกับเรื่องนี้มากกว่าใคร  และหาวิธีบำบัด รักษา ด้วยการระบายความเจ็บปวด ความทุกข์ยากที่ได้รับ  และพยายามขุดคุ้ยเรื่องไม่ชอบมาพากลต่างๆ ทั้งนางแต้มและพวกที่กลั่นแกล้งเธอ เช่น การใช้วุฒิปริญญาเอกปลอมของคุณอัปรีซ่า หรือการผูกขาดการจัดซื้อจัดจ้าง ที่ไม่โปร่งใส และร้องเรียนขอความเป็นธรรมไปตามหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งก็ได้ผล ทำให้หน้าตาเธอดูดี ดูสดชื่นขึ้นเป็นอันมาก แสดงว่ารักษาถูกทาง

ส่วนนางแต้มนั้น เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง ชอบเป็นเจ้าขุนมูลนาย  อีกทั้งเป็นคนโกรธง่าย โมโหฉุนเฉียว เอาแต่ใจตนเอง ไม่มีเหตุผล และอาฆาตแค้น เมื่อมีอำนาจก็ใช้อย่างไร้สติ เมื่อใครไม่ยอมอยู่ในอำนาจก็หาวิธีจัดการอย่างไร้ความปราณี ซึ่งถือว่าเป็นคนป่วยหนัก และควรได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี แต่นางใช้วิธีการบำบัดรักษาด้วยการ สร้างการยอมรับด้วยการเสาะหาโล่ หาถ้วยรางวัล หาเกียรติบัตร ด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่านางเก่งกาจสามารถ  เช่น เป็นบุคคลดีเด่นแห่งปี ฉะนั้นเมื่อเวลานางได้ถ้วย หรือโล่มา ก็จะทำป้ายขนาดใหญ่ ถ่ายรูปโชว์เขาทั่วเมือง เพื่อให้เขายอมรับ ซึ่งเป็นวิธีบำบัดรักษาที่ได้ผลเหมือนกัน เพราะดูหน้าตานางยิ้มแย้มแจ่มใส ปากเบี้ยวเล็กน้อยพองาม เสียแต่ต้องใช้แป้งเป็นจำนวนมากเท่านั้น อีกอย่างหนึ่งนางเป็นคนรูปร่างใหญ่ อยู่ในวัยชรา แต่อยากสวยไม่สร่าง จึงใช้ชุดเสื้อผ้าชนิดกะรุ่งกะริ่งแบบชุดงิ้ว เพื่อให้ดูสะดุดตา และใช้สีประจำวันเข้าช่วย เช่น สีเขียวขี้หมา สีม่วงและสีเหลือง ก็พอลดวัยได้เล็กน้อย “กระจกวิเศษ บอกข้าเกิด ใครสวยเลิศในสารขัณฑ์…. ก็นางแต้มนะซิ ทั่วเมืองสารขัณฑ์นี้ไม่มีใครสวยเกิน”… 555 ยิ้มแป้นเลย!

…..

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *