จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์  (เอี้ยเหมือนกัน)

วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2565

จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์  (เอี้ยเหมือนกัน)

ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ไอ้อัปรีซ่า คณบดีจัดการ ม.สารขัณฑ์ ซึ่งตอนที่มันสมัครเข้ามาเป็นอาจารย์อัตราจ้างนั้น ผมยังไม่เกษียณ ไม่นึกว่ามันจะเลวระยำอย่างนี้ ข่าวว่าบวชเรียนมาด้วย ถ้าจริงตามข่าว  ก็ถือว่าเลวสุดๆ พูดถึงไอ้อัปรีซ่านี่ ก็อดนึกถึงไอ้เวรตะไล Kovid อดีตอธิเกิน ไม่ได้  เพราะมันเคยจะเลิกจ้าง ไอ้อัปรีซ่า จนไอ้ปรีซ่าถึงกับร้องห่มร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร เพราะกลัวตกงาน จนไอ้เวรตะไลใจอ่อน เลยรอดตัวมาตั้งแต่นั้น ลักษณะเช่นนี้ เป็นแบบเดียวกับนางแต้ม ตอนทำผลงาน รศ. ก็จะตกแหล่ไม่ตกแหล่ ต้องร้องห่มร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรเหมือนกัน เพราะกลัวไม่ได้ รศ. เสียน้ำตาซื้อมา  เอี้ยเอ้น!  ดาราเจ้าน้ำตาเหมือนกัน

เรื่องนี้ นงนภัส ฮมภิรมย์ พูดได้ดีมาก “แหม่! ก็แม่บอกว่าไม่ต้องไปนั่งเรียนให้ปวดสมอง ซื้อเอาลูกเหมือนกับที่แม่ซื้อโล่ไงลูก เห็นมั้ยแม่ซื้อโล่เกียรติยศเต็มไปหมดเลย แม่ยังได้เป็นคนดีของสังคมด้วย ทุกวันนี้อยากได้อะไรเขาใช้เงินซื้อเอาแม้แต่คน จำไว้นะลูก ไม่ต้องกลัวนะลูก อยู่เฉยๆ”

ส่วน ผศ.ดร. นิพนธ์ ทวีกาญจน์ บอกว่า “ถูกถลกหนังหัว แล่เนื้อ ทาเกลือ ขนาดนี้ มันจะอยู่ดูหน้าสังคมเมืองได้อย่างไรครับ ? สงสารการศึกษาจัง!”

และท่าน PN ถามว่า “เรื่องนี้ปลัดกระทรวง อว.ทราบบ้างไหมครับ ถ้าทราบแล้วจะดำเนินการอย่างไร เพราะมีอีกหลายมหาลัยที่คล้ายแบบนี้ ถ้าเช่นนั้นก็ต้องยุบปริญญาเอกของเมืองไทยให้หมด ไม่ต้องเรียน เพราะเรียนแทบตาย แต่สุดท้าย ซื้อเอาจาก ตปท ง่ายกว่า”

ส่วนท่าน ภุชงค์ เลาหศิริวงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.จากหนอกกี่ บอกว่า “มนุษย์เมื่อเกิดความโลภ ดวงตาก็จะมืดบอด ทำเรื่องน่าละอายจนไร้ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ หากอยู่ในประเทศที่เจริญแล้วคงเลือกอัตวิบากกรรมตนเองเป็นแน่แท้ บุคลากรมากขึ้น..น่าสงสารมหาวิทยาลัย ประชาชน และประเทศชาติจริงๆ…”

ส่วนเรื่องไอ้สุชี๋ นายกสภาฯ ม.สารขัณฑ์ ซึ่งจะหมดวาระ แต่อยากกลับมาเป็นใหม่ ตามข้อตกลง แต่กลัวนางแต้มจะทำเป็นลืม เผอเลือก คม หักศอก เข้ามาเป็นนายกสภาฯ ละก็ “ยุ่งตายห่า” ได้ข่าวว่าไอ้สุชี๋ ป่วย เพราะกลัวจะไม่ได้เป็นนายกอีก ผอมไปเลย!

เรื่องนายกสภาฯนี่ ท่าน เลย์- เลย- เลย บอกว่า “กรณี ม.รามฯ สภามหาลัยเขามีคุณภาพทุกคนครับ กระบวนการสรรหา/การได้มาซึ่งสมาชิกของเขาสามารถทำได้จริงตามระบบที่วางไว้__ต่างจาก มรภ.ที่มีเพียงระบบแต่ไม่สามารถทำได้จริง__กระบวนการสรรหาเป็นเพียงพิธีกรรมบางอย่างเท่านั้น”

และ ผศ.ดร.La Ph  บอกว่า “มีกระบวนการสรรหา แต่ไม่เอาผลการสรรหามาใช้และไม่แถลงให้ประชาคมทราบ ทั้งปิดบังและงุบงิบกันอยู่แต่พวกของตน แล้วป้อนชื่อผู้ที่พวกตนต้องการใส่พานให้สภาเกาหลังเลือก (หรือจะเรียกว่าใส่กะลาดี เพราะสภาเกาหลังทั้งหลายก็ไม่ต่างจากกบในกะลาครอบ) ยิ่งนานวันผู้บริหารมหาวิทยาลัย (กลุ่มถอยหลังเข้าคลอง) ยิ่งสำแดงอิทธิพลมืด และเอาเปรียบคณาจารย์และบุคลากรมากขึ้น..น่าสงสารมหาวิทยาลัย ประชาชน และประเทศชาติจริงๆ…”

….

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *