วันอังคารที่ 30 สิงหาคม 2565
จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์ (อมสาก)
30
มีนา จัน ติง คม หักศอก “ที่แกว่าดวงชะตาของมหาวิทยาลัยสารขัณฑ์นั้นถึงฆาตเสียแล้ว..แกพูดเกินจริงไปละมั้ง? คงจะไม่ถึงขนาดนั้น”
“ฉันว่าไม่เกินจริงหรอก เพราะขนาดกระทรวงที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลสถาบันอุดมศึกษาบอกว่าตนเองไม่มีอำนาจจัดการอะไร อำนาจอยู่ที่สภามหาวิทยาลัย ดังนั้น เมื่อนางแต้มและนายสุชี๋ เข้ากันได้เหมือนอะไรดีล่ะ “ผีกับโลง” หรือ เข้ากันได้“เหมือนอีห้ากับไอ้เฮียเสียแล้ว มันจะเหลืออะไรอีกล่ะ?”
“คม หัศอก เบาหน่อย วรรณกรรมของแกมันจะเข้ารกเข้าพงไปละมั้ง?”
“ไม่ต้องมาติง มีนา จัน ฉันว่าจะซัดให้หนักกว่านี้อีกด้วยซ้ำ แกก็เห็นแล้วว่าอะไรเกิดขึ้นแล้วบ้าง และอะไรจะเกิดขึ้นตามมาอีก อย่างเช่น กรณีหญิงกล้า เธอเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย สายสนับสนุนการสอน เป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา เหมือนกับข้าราชการพลเรือนในอดีต คือ เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กว่าจะสอบเข้ามาทำหน้าที่นี้ได้ต้องใช้ความรู้ความสามารถมีคุณสมบัติครบถ้วน คือ มีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ และเป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริยทรงเป็นประมุข และไม่มีลักษณะต้องห้ามทุกข้อ
และอยู่ดีๆ ถูกบุคคลที่ อว. ระบุว่า เป็นบุคคลที่เกษียณอายุราชการแล้ว และมิได้มีสถานภาพเป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ออกคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงแบบกลั่นแกล้งกันชัดๆ และสุดท้ายสั่งปลดออกจากราชการ ทั้งๆที่ขณะออกคำสังตั้งกรรมการสอบสวนนั้น นางเป็นรักษาการอธิการบดีเถื่อนด้วย โดยมีสภาหนุนหลัง แล้วแบบนี้เราจะอยู่กันอย่างไร?
ก็คงทำนองเดียวกัยที่ PN. บอก “ไม่ต่างอะไรกับที่ราชภัฎนครศรีธรรมราชครับ เรื่องขาดธรรมาภิบาล อว.สั่งให้ สภาฯ ชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาคมทราบ จนบัดนี้เกือบ 6 เดือนแล้วมันยังเงียบอยู่เลย ไม่รู้ว่าน้ำท่วมปากหรืออมสากอะไรอยู่ นี้หรือสถาบันอุดมศึกษา แหล่งผลิตปัญญาให้เยาวชน
….