จิปาถะ เรื่องสั้น อีเถื่อน (มุดรู)

วันพุธที่  15  กันยายน  พ.ศ. 2564  (กรอบบ่าย)

จิปาถะ เรื่องสั้น อีเถื่อน (มุดรู)

15

กรณีประชาคมชาวกำแพงฯออกมาทำกิจกรรมเพื่อยืนยันว่ามหาวิทยาลัยกำแพงมณี “คือบ้านหลังที่สองของชาวเขา” มีเพื่อน fc แสดงความคิดเห็นมา 3 ท่านครับ

1.ผู้สันทัดกรณี : การทำความสะอาดของประชาคมกำแพงมณี นอกจากจะเป็นการทำความสะอาดอาคารสถานที่ให้สะอาดเรียบร้อยน่าอยู่น่าทำงานแล้ว ยังเป็นการทำความสะอาดเชิงสัญลักษณ์ด้วยเพราะเมื่อวันที่ 9 เดือน 9 ก็มีทนายความซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้เสียหายจากการกระทำผิดกฎหมายของนายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัยกำแพงมณี ไปฟ้องกรรมการสภาจำนวน 10 คน เป็นจำเลยต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นการเปิดงานเทศกาลบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ คือการล้างสิ่งชั่วร้ายให้หมดสิ้นไป ซึ่งอีกไม่นาน นายกสภาและกรรมการสภารวม 10 คนก็จะได้รับหมายศาลอาญา จะทำให้กรรมการสภาบางคนที่คอยพูดปลอบใจตัวเองและเพื่อนๆว่า”อย่าไปกลัวฟ้องศาลไม่ติดคุกหรอก” คงจะหุบปากสนิท เพราะศาลอาญาตัดสินปุ๊บติดคุกปั๊บ เว้นแต่ศาลท่านมีเมตตาอนุญาตให้ประกันตัวเท่านั้น

สิ่งที่เป็นพิรุธที่ทำให้ศาลเชื่อว่าสภากระทำผิดกฎหมายตามมาตรา 172 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ.2561ก็คือประชุมสรรหาอธิการบดีตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2564 จนวันนี้ 14 กันยายน 2564 ยังรับรองรายงานการประชุมยังไม่ได้เลย จึงไม่สามารถเสนอชื่อผู้ที่รับการสรรหาไปกระทรวงได้ เลย แต่ถ้าหากขืนทะลึ่งส่งไปโดยยังไม่ได้รับรองรายงานการประชุมก็จะมีคดีงอกทันที

จึงทำให้รักษาการอธิการบดี พลอยเป็นรักษาการบดีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะยึดโยงกับผู้ได้รับการสรรหาเป็นอธิการบดี ซึ่งยังมีปัญาหาไม่สามารถรับรองรายงานการประชุมได้

ดังนั้นรายงานการประชุมจะเป็นหลักฐานสำคัญในศาลซึ่งเป็นตัวชี้ให้ใครติดคุกหรือรอดคุกได้ อยากให้เขียนประโยคที่ท้าทายกระบวนการยุติธรรมทางอาญา”อย่าไปกลัวฟ้องศาล ไม่ติดคุกหรอก ” บันทึกไว้ในรายงานการประชุมด้วยว่าใครเป็นคนพูด เดี๋ยวก็จะรู้ว่าคนพูดติดคุกหรือไม่?

นายสาธิต ผลเจริญ : สุดยอดกำแพงมณีที่สร้างสรรค์ สารขันฑ์ทำอะไรกันตื่นเถิดหนา

หรือถูกมนต์นางมารร้ายไม่ลืมตา        จึงเฉยชาไม่ทุกข์ร้อนนอนสบาย

นักศึกษายังกล้าปกป้องสิทธิ์               รู้ถูกผิดกล้าสู้ครูอยู่ไหน

ไม่นำพานักศึกษาช่างน่าอาย               อุดมการณ์หายไปไหนจึงมุดรู

ผศ.ดร. La Ph : “บริเวณชั้น 2 ของอาคาร 15 ที่ม.สารขัณฑ์ เป็นที่ทดลองปฏิบัติการตามโครงการ “นันทนาการครอบครัวสถาน ” โดยจะแบ่งบริเวณเป็นส่วนๆ เช่น บริเวณสำหรับเลี้ยงดูและให้ลูกหลานวิ่งเล่น, บริเวณพักฟื้นผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็ง, บริเวณพักผ่อนหย่อนใจของครอบครัว และต่อไปอาจจะมีบริเวณบริบาลผู้ชราภาพด้วย”…จึงขอเชิญชวนกองหน้าและกองหนุนออกมาช่วยกันทวงคืนพื้นที่และทรัพยากรดังกล่าวเพื่อใช้ทำประโยชน์สำหรับส่วนรวม  แทนที่จะให้ใครบางคนขนเอาญาติโกโหติกาปลอมๆ มาแอบสิงสถิตย์อย่างสะดวกสบายและใช้ทรัพยากรหลวงฟรีแบบไร้ยางอาย

….

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *