จิปาถะ
การประกวดพระ
1
ภาพที่นำเสนอในวันนี้ อาจทำให้หลายคนสงสัยว่า เขากำลังทำอะไรกันนะ ทำไมผู้คนถึงได้มากมายอย่างนั้น ตอบว่า เป็นภาพการประกวดพระเครื่อง พระบูชา และเหรียญคณาจารย์ ของนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 34 เมื่อวันที่ 11-12 กุมภาพันธ์ 2560 ณ หอประชุมชุณหะวัน โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ในการจัดงานครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจาก นายพยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย และอนุญาตให้ใช้ตราของสมาคมฯ
โดยมี พลตำรวจเอกชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นประธานจัดงาน
การจัดงานประกวดการอนุรักษ์พระเครื่อง พระบูชา และเหรียญคณาจารย์ครั้งนี้ มีจุดประสงค์สำคัญ 3 ประการดังนี้
- เพื่อเป็นการอนุรักษ์พุทธศิลป์ไทยอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ
- เพื่อจัดหารายได้นำเข้ากองทุนคณะนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 34
- เพื่อจัดหารายได้นำไปใช้สนับสนุนองค์กรการกุศลอื่นๆ ในการจัดกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
การประกวดพระครั้งนี้มีรางวัลการประกวดถึง 3 รางวัล คือ 1) รางวัลชนะเลิศยอดเยี่ยมคะแนนรวม ได้รับถ้วยเกียรติยศของ พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 2) รางวัลชนะเลิศคะแนนรวมพระยอดนิยม ได้รับถ้วยเกียรติยศของ พลตำรวจเอก ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พร้อมสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท และ 3) รางวัลชนะเลิศคะแนนรวมพระทั่วไป ได้รับถ้วยเกียรติยศของ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท
2
ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเป็นข้อมูลทั่วไป แต่สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็ คือ เป้าหมายสำคัญของการนำพระเข้าประกวดนั้น ก็เพื่อจะพิสูจน์ว่า พระที่มีอยู่นั้นเป็นพระแท้หรือพระเก๊ ทั้งนี้ เพราะถ้ากรรมการตัดสินว่าพระที่ส่งเข้าประกวดนั้นแท้ และรับเข้าประกวด ซึ่งก็หมายความว่า พระองค์ดังกล่าวเป็นพระแท้ ทำให้พระองค์นั้นมีค่ามีราคาสูงขึ้นโดยทันทีทันใด ถ้าติดรางวัลด้วยก็จะดีมากยิ่งขึ้น แต่ถ้ากรรมการไม่รับพระที่ส่งเข้าประกวด นั่นหมายความว่าพระที่ส่งเข้าประกวดเป็นพระปลอมหรือพระเก๊ พระนั้นก็จะไม่มีค่าไม่มีราคาอีกเลย นอกจากนำไปหลอกไปต้มให้เช่ากันตามแผงพระเคลื่อนที่ แต่อย่างไรก็ตาม ความน่าเชื่อถือขององค์กรที่จัดการประกวดก็เป็นปัจจัยที่สำคัญมากๆ เพราะถ้าติดรางวัลจากองค์กรการจัดประกวด ไม่ที่นักเลงพระเขาไม่เชื่อถือ ก็เป็นปัญหาเหมือนกัน
สิ่งที่ผมอยากจะบอกอีกอย่างหนึ่งก็คือ เงินรายได้จากการประกวดนั้นสูงมาก หลายล้านครับ ลองคำนวณดูก็ได้ อัตราค่าบำรุงในการส่งพระเข้าประกวดองค์ละ 400 บาท รายการพระทั้งหมดมี 2,866 รายการ โต๊ะตัดสิน 80 โต๊ะ สมมุติว่า มีผู้ส่งเข้าประกวดทุกรายการ รายการละ 1 องค์ เอา 2,866 คูณด้วย 400 เท่ากับ 1,146,400 บาท นี่แค่ส่งเพียงรายการละ 1 องค์เท่านั้นนะครับ ซึ่งความจริงแล้ว ส่งกันอย่างน้อยคนละ 5 องค์ ขึ้นไป บางรายการโต๊ะรับประกวดมีคิวยาวเหยียด รายได้ตรงนี้ยังไม่รวมค่าเช่าสถานที่ร้านค้าที่อยู่รอบๆหอประชุม และเงินสนับสนุนจากภาคเอกชนอีกต่างหากนะครับ
อาจมีคำถามว่าผมเอาเรื่องนี้มาเขียนเล่าทำไม คำตอบก็คือ ผมอยากบอกเพื่อนๆว่า ผมนั้นอยู่หลายวงการ
คติพจน์ ก็คือ “ยอมให้เขาเอาเปรียบบ้าง อยู่วงการไหนก็ได้”
………