วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2564

จิปาถะ เรื่องสั้น อีเปรต (ผิดไม่เป็น)

22

“อย่าให้เด็กต้องสอนเลยดีกว่า” คำพูดของเด็กที่สะท้อนให้เห็นอะไรต่อมิอะไรเยอะเลย มันสะใจจริงๆ จากเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อายุเพียง 21 ปี บอกหญิงชรา วัน 70    ทำไมสติปัญญามันหางไกลกันลิบลับเหลือเกิน ขอนำข้อเขียนของเด็กมาตอกย้ำในที่นี้อีกครั้งครับ เขียนได้ดีมาก ชัดเจน ตรงประเด็น ทุกช็อต กินใจจริงๆ พับผ่าซิ

“ถ้าคุณยืนอยู่เฉยๆ แล้วผู้ใหญ่มาต่อยหน้าคุณ คุณจะเป็นฝ่ายขอโทษผู้ใหญ่ไหม?

คำว่าขอโทษ มันไม่ตายหรอก แต่ต้องนึกถึงความถูกต้องและความชอบธรรมด้วย 

จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ใครเป็นฝ่ายเสียมากที่สุด ? 

ฉันเป็นฝ่ายเสียมากที่สุดไม่ใช่หรอ ที่อยู่เฉยๆมาเจออะไรแบบนี้ เสียเวลามากแค่ไหน เสียความรู้สึกไปมากเท่าไหร่ เลิกใช้ตรรกะเป็นเด็กต้องขอโทษผู้ใหญ่ก่อนเสมอ ช่วยคิดคำนึงถึงสถานการณ์บ้างนะ

ไม่ต้องมาสั่งสอนให้ไปปรับทัศนคติในการใช้ชีวิต เพราะทุกวันนี้ฉันก็มีทัศนคติที่ดีในการใช้ชีวิตตลอด มีเหตุมีผลในการใช้ชีวิตเสมอ ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนเพราะตัวฉันนะ

ขอโทษไปจะได้จบ ไม่ต้องมาช่วยหาทางออกที่ดีให้กับปัญหานี้หรอก ทางออกที่ดีมันคือการที่คุณไม่แจ้งความดำเนินดีกับเด็กตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ใช่การมาดำเนินคดีแล้วให้เด็กขอโทษ มันไม่เกิดประโยนช์ แถมจะสร้างปัญหาให้เด็กอีก อย่าให้เด็กต้องสอนเลยดีกว่า”

เรื่องนี้ ผศ.ดร.ชลิดา ภัทรศรีจิรากุล แสดงความเห็นว่า  “เรื่องฟ้องนักศึกษา 4 คน และเด็กก็โพสต์คำหยาบสู้ซึ่งไม่ดีเลย ความเป็นครูของผู้ฟ้องต้องเสียหายแน่นอน ส่วนนักศึกษาอีกคนโพสต์ สู้สุดฤทธิ์ เขาเขียนชี้แจงได้ดี เขาว่าเขาไม่ได้ทำ จะให้ขอโทษ

ถ้าเขาขอโทษ เขาก็จะกลายเป็นคนผิด นั่นสิ เด็กไม่ได้ ทำผิด จะขอโทษเรื่องอะไร คนฟ้องมั่ว ควรขอโทษเขาและเยียวยาเขาด้วยซ้ำ ที่ทำให้เขาเสียขวัญ ส่วนเด็กที่ติดป้ายจริง ก็เป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล

แต่ถ้าสิ่งที่โพสต์ ผู้ถูกกล่าวหาคิดว่าเป็นข้อมูลเท็จ ก็ควรเรียกนักศึกษาไปขี้แจงทำความเข้าใจ ถ้าเขามีข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิด ก็จะได้ปรับความเข้าใจให้ถูกต้องน่าจะดีกว่ามีคดีความ ไม่เห็นต้องฟ้องร้องให้เด็กต้องเสียเงิน เสียเวลา หรือว่าสะใจ  หรือเข้าใจว่า คนมีเงิน มีอำนาจ เป็นพวก untouchable รึไง เดี๋ยวก็ไล่ไปอยู่พวกเดียวกับพวกแบ่งชั้นวรรณะของอินเดียซะร๊อก ถ้าแตะไม่ได้จริง”

…