จิปาถะ
เรื่องสั้น
10
กรมพระยาดำรงกล่าวไว้ในพระประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ความว่า “ในประวัติของ
วีรมหาราชทั้งหลายดูมีเค้าคล้ายกันหมด คือ บ้านเมืองต้องมียุคเข็นอย่างหนึ่ง วีรมหาราชย่อมเป็นบุคคลพิเศษมีสติปัญญาและความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวผิดกับผู้อื่นมาในอุปนิสัยอย่างหนึ่ง และสามารถทำให้ผู้อื่นเชื่อถือไว้วางใจในพระปรีชาสามารถมั่นคงอย่างหนึ่ง จึงสามารถบำเพ็ญอภินิหารกู้บ้านเมืองและแผ่ราชอาณาเขตจนเป็นพระราชาธิราชได้”
สำหรับปุถุชนธรรมดา การจะเป็นวีรชนได้นั้น จะต้องประกอบด้วยคุณสมบัติตามที่กล่าวมาเช่นเดียวกัน คือ 1)มีสถานการณ์ยุคเข็น 2)ต้องเป็นคนพิเศษมีสติปัญญาและ อุปนิสัยกล้าหาญเด็ดเดี่ยวผิดกับผู้อื่น 3) สามารถทำให้ผู้อื่นเชื่อถือไว้วางใจในความสามารถมั่นคงจึงจะมีบารมีจนได้รับการยกย่องว่า เป็นวีรชนได้ ตัวอย่างเช่น ในปี 2369 สมัยรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ ยกกองทัพลงมากรุงเทพฯ เมื่อมาถึงนครราชสีมา ทราบว่าพระปลัดเมืองไปราชการ จึงยกทัพเข้ายึดเมืองโคราชไว้ได้ และกวาดต้อนผู้คนส่งกลับไปเวียงจันทน์ คุณหญิงโม ภรรยาพระปลัดเมืองได้รวบรวมครอบครัวที่ถูกกวาดต้อนเข้าต่อสู้กับทหารลาว ฆ่าฟันล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ณ. ทุ่วสัมฤทธิ์ สามารถกอบกู้เมืองนครราชสีมากลับคืนมาได้ เมื่อความทราบถึง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาคุณหญิงโม เป็น ท้าวสุรนารี คุณหญิงโมนั้น เป็นวีรสตรีของชาวจังหวัดนครราชสีมา
ท่านทราบหรือไม่ว่า ขณะนี้ ที่มหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ กำลังจะมีวีรสตรีเกิดขึ้นเหมือนกัน นางชื่อ นางแต้ม รักษาการอธิการบดี (ป่า) นางมีคุณสมบัติที่สอดคล้องกับที่กล่าวมา แต่เป็นไปในลักษณะตรงกันข้าม กล่าวคือ 1)นางสามารถทำให้มหาวิทยาลัยเกิดยุคเข็นได้ 2) นางเป็นผู้มีสติปัญญาล้ำลึกมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวผิดมนุษย์มนา 3)นางเป็นผู้ที่ทำให้พวกหมานายเชื่อถือไว้วางใจในความสามารถมั่นคงว่านางจะได้เป็นอธิการบดีต่อไปอีก
ดังนั้น ชาว ม. สารขัณฑ์ จึงเห็นว่า นางควรจะมีอนุสาวรีย์ “นางแร้งทึ้ง” ไว้เป็นที่ระลึก
….
กรมพระยาดำรงฯ.พระประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช.บรรณกิจ.ม.ป.ป.3