เอาแผ่นดินของเราคืนมา

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 15 กันยายน กรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เตรียมระดมพลวันที่ 19 กันยายนนี้ เพื่อขับไล่ชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหาร ว่า ไม่ทราบว่ากลุ่มคนที่จะไปเขาพระวิหารจะไปทำไม ถ้าไปเพียงเพื่อแสดงออกถึงความรักหวงแหนแผ่นดินก็แสดงได้ แต่ควรระมัดระวังอย่าไปกระทบกับทางกัมพูชา พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรนั้น ทั้งไทยและกัมพูชาก็ตกลงกันแล้วว่า จะให้คณะกรรมการปักปันเขตแดนไปศึกษา ไม่ควรจะเข้าไปวุ่นวาย

“ผมจะไม่ไปว่าใคร พูดถึงใครในแง่ร้าย ทุกคนก็รักชาติบ้านเมืองก็ช่วยกันดูแลแล้วกัน อย่าไปซ้ำเติมบ้านเมืองก็แล้วกันครับ” นายสุเทพกล่าว และว่า เรื่องนี้ประชาชนไม่ต้องออกแรง เพราะรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศกำลังแก้ไขปัญหา กันอยู่ ทุกอย่างทำตามอารมณ์ตามหัวใจไม่ได้ เพราะใจคนมันวูบวาบเหลือเกิน

น.ส.วิมล คิดชอบ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงข่าวที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์กัมพูชาที่อ้างว่าทหารไทยยิงวัยรุ่นกัมพูชาที่เข้าไปตัดไม้พร้อมกับเผาทั้งเป็นว่า กรมกิจการชายแดน กองบัญชาการกองทัพไทย ยืนยันว่าไม่ได้มีการจับกุมใครตามที่มีการกล่าวอ้าง แต่รับว่าได้พบคนลักลอบเข้ามาตัดไม้จริงเมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เพียงแต่เตือนให้ออกไปโดยไม่มีการจับกุมหรือปะทะกันแต่อย่างใด

“กระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้เชิญนายสุวัฒน์ แก้วสุข อุปทูตไทย ณ สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงพนมเปญ ไปพบกับนายอึง เซียน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศกัมพูชาในวันที่ 15 กันยายน โดยฝ่ายกัมพูชาได้แสดงความห่วงกังวลและไม่สบายใจกับรายงานข่าวที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์กัมพูชา และขอให้ฝ่ายไทยช่วยประสานกับหน่วยงานภายใน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งอุปทูตไทยรับว่าจะตรวจสอบและแจ้งผลให้ฝ่ายกัมพูชาทราบต่อไป โดยเชื่อว่าสามารถชี้แจงได้ และจะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างกัน” น.ส.วิมลกล่าว

นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด กล่าวถึงกรณีนายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระพร้อมพวกรวม 9 คน ยื่นฟ้องสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา นายฮอร์ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา เพื่อให้มีคำสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนปราสาทพระวิหารและขับไล่ประชาชนกัมพูชาออกนอกพื้นที่รอบบริเวณเขาพระวิหาร แต่ศาลแพ่งยกฟ้อง ว่าถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเป็นเรื่อง หากเพียงแค่รัฐบาลไทยแก้ปัญหานี้ด้วยการเปิดเจรจากับประเทศกัมพูชาว่าพื้นที่เป็นอย่างไร เชื่อว่ากัมพูชาน่าจะยอม การทำให้ความจริงเกี่ยวกับพื้นที่บริเวณรอบปราสาทพระวิหารปรากฏน่าจะเป็นวิธีที่ถูกต้อง

นายอักขราทรกล่าวว่า รัฐบาลไทยต้องทำให้กัมพูชาเห็นว่าพื้นที่บริเวณนั้นเป็นที่ของไทย เพียงแต่ไม่กี่ปีที่ผ่านมามีชาวบ้านกลุ่มนี้เข้ามาทำมาหากิน และไม่ถูกต้องอย่างไร โดยพื้นที่บริเวณนั้น มีทั้งทหารไทย และกัมพูชาเป็นพยานอยู่ รัฐบาลจึงต้องทำให้เกิดความเข้าใจ อย่าตั้งการ์ดเห็นเป็นศัตรู หรือเป็นคนละฝั่งมันจะจบปัญหานี้ไม่ได้ ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมต้องทำความเห็นของคนในชาติให้เข้าใจ และหากมีบางส่วนที่บอกไม่ได้ก็ต้องบอกให้คนไทยรู้ว่าเป็นสิ่งที่ต้องเก็บไว้ใช้เจรจา ดังนั้นควรพูดให้รู้เรื่องอย่าปล่อยปัญหาทิ้งไว้อย่างนี้

“ปัญหาบางอย่างหากมีความเห็นไม่ตรงกัน และใครผิดใครถูกยังไม่รู้ ผมคิดว่าเราสามารถพิสูจน์ความถูกต้องได้ด้วยข้อเท็จจริง เพราะหากปล่อยไปจะกลายเป็นไทยเรายอมรับแผนที่ และสิ่งที่เขากันไว้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งที่เรามีนักกฎหมาย นักการต่างประเทศและมีคนกลางเก่งๆ มากในประเทศไทยที่จะออกมาช่วยรัฐบาลทำข้อเท็จจริงให้ปรากฏ ดังนั้นไม่ควรนิ่งเฉย หรือให้เป็นไปตามบุญตามกรรม” นายอักขราทรกล่าว

ด้านเครือข่ายสภาประชาชน 4 ภาค และเครือข่ายสภาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด กว่า 200 คน นำโดยนายประพาส โงกสูงเนิน ประธานสภาประชาชน 4 ภาค ชุมนุมบริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เขตเทศบาลนครนครราชสีมา เชิญชวนให้ประชาชนออกมาร่วมทวงคืนเขาพระวิหาร รวมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาล โดยเฉพาะกองทัพออกมาให้คำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับกรณีเขาพระวิหาร บนพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรหลังมีกระแสข่าวประเทศไทยเสียดินแดนดังกล่าวให้กับฝ่ายกัมพูชาไปแล้ว เช่นเดียวกับกลุ่มพันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย รวมตัวกันที่ลานประวัติศาสตร์หน้าสถานีรถไฟหาดใหญ่ ก่อนเคลื่อนขบวนรถจักรยานยนต์และรถยนต์กว่า 20 คันไปรอบๆ ตัวเมืองหาดใหญ่ แจกจ่ายใบปลิวรณรงค์ให้ชาวหาดใหญ่เข้าร่วมชุมนุมใหญ่กับกลุ่มพันธมิตรทั่วประเทศเพื่อทวงคืนผืนแผ่นดินเขาพระวิหาร ในวันที่ 19 กันยายนนี้ ที่อุทยานปราสาทเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ

หน้า 1

Comments are closed.