เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน เผาหุ่น 13

worms

จิปาถะ
เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน เผาหุ่น 13
33
“อาจารย์ครับ แล้วนางแต้มจะรู้ตัวหรือไม่ว่าตัวเองทำให้ที่นี่อยู่ในยุค“กลิ”
“ไม่รู้หรอก นางก็จะเพลิดเพลินไปกับลาภ ยศ สรรเสริญ ฉะนั้น การชี้โทษนางแต้ม ซึ่งลุ่มหลงในอำนาจนั้น เป็นสิ่งที่ยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาเสียอีก”
“ทีนี้การที่เราเที่ยวพูดว่า นางแต้มไม่ดีอย่างโน้น ไม่ดีอย่างนี้ เป็นคนปากหวานก้นเปี้ยว หน้าไหว้หลักหลอก อาฆาตแค้นจองเวรจองกรรมนั้น พูดไปก็เปลืองน้ำลายเปล่าๆนะซิครับ เพราะไม่มีใครเชื่อเรา”
“ถูกต้อง ทั้งนี้เพราะเขาเชื่อว่านางแต้มเป็นคนดี มีน้ำใจ มีคุณธรรมจริยธรรมสูงส่ง มีเมตตา กรุณา ต่อเพื่อนร่วมงาน เห็นเพื่อนร่วมงานเหมือนญาติที่จะต้องดูแลช่วยเหลือเอาใจใส่ ที่เขาเห็นอย่างนั้นเพราะเขาได้ประโยชน์”
“ทีนี้เราจะทำอย่างไรดีละครับ”
“ก็ต้องรอให้เวลาผ่านไป รอให้นางแต้มถูกลอกคราบออกจนเปลือยเปล่าล่อนจ้อน นั่นแหละ เขาถึงจะเชื่อ”
“อาจารย์เปรียบเทียบน่าเกลียดจัง” และบ่นว่า “ผมรู้สึกท้อเสียแล้ว”
“อย่าเพิ่งท้อ ถากถาง การที่นางแต้มหลงอยู่กับลาภ ยศ สรรเสริญ นั้น เปรียบเหมือนดังตัวหนอนดำผุดดำว่ายอยู่ในหลุมคูถ (หลุมขี้) ต่อให้พระอินทร์เหาะลงมาเห็นเขียวๆ มาบอกว่าไม่ดี นางก็ไม่เชื่อ ดังนิทานเรื่องเทวดากับหนอนที่ เสฐียรพงษ์ วรรณปก (2542:56) เล่า เรื่องมีอยู่ว่า…
34
ขณะที่ หนอนอ้วน ตัวหนึ่ง ชื่อแต้ม (ชื่อเดียวกันกับนางแต้ม) กำลังดำผุดดำว่ายอยู่ในหลุมคูถอย่างเพลิดเพลินเจริญใจและมีความสุขสุดๆนั้น พลันสายตาก็เหลือบขึ้นไปเห็นเทวดาตนหนึ่ง ยืนหน้าเศร้าดูอยู่ด้วยน้ำตานองหน้า จึงทักทายว่า
“Ohayoo gozaimasu โอะฮะโย โงะสัยมัส (สวัสดี) เป็นไง ญาติตายหรือไง จึงมายืนร้องห่มร้องไห้อยู่ที่นี่”
“Lie อีเอะ(ไม่ใช่) ฉันสงสารเธอตางหากถึงได้ร้องไห้” เทวดาตอบ
“สงสารเรื่องอะไรรึ”
“สงสารที่เธอต้องมาอยู่ในหลุมคูถอย่างนี้ ความจริงแล้ว เราเป็นเพื่อนรักกัน ชาติก่อนเธอก็เกิดเป็นเทวดาอย่างฉันนี่แหละ แต่ลงมาเกิดเป็นหนอนอ้วน เธอกลับไปอยู่บนสวรรค์กับฉันเถอ” เทวดาชวน
“สวรรค์ ดีอย่างไร” หนอนแต้มถาม
“บนสวรรค์มีแต่สิ่งที่เป็นทิพย์ เช่น วิมานทิพย์ สมบัติทิพย์ เสื้อผ้าอาภรณ์ที่เป็นทิพย์ อยากกินอะไรก็ “เนรมิต”เอาตามต้องการ”
“ไม่ละ หนอนแต้ม ปฏิเสธ อยู่บนสวรรค์อยากกินอะไรก็ต้องเนรมิต เสียเวลาเปล่าๆ อยู่ที่นี่ถึงเวลาหลวงพ่อท่านก็จะมาเนรมิตให้เอง อิ อิ”
ว่าแล้ว หนอนแต้ม ก็ดำหายลงไปในกองคูถอันเหม็นหึ่งนั้น
“น่าสมเพชจริงๆ” ถากถางอุทานออก มาเบาๆ
……….
เสฐียรพงษ์ วรรณปก.2542.พุทธวิธีสอนจากพระไตรปิฏก.พิมพ์ครั้งที่ 2.กรุงเทพฯ:อรุณการพิมพ์.

Comments are closed.