วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2566
จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์ (เขียนอ่านยากมาก)
26
“คดีหมิ่นประมาทของแกที่สารขัณฑ์นี่ สมมุติว่าแกแพ้ แกจะทำอย่างไร?” มีนา จัน ถาม คม หักศอก
“ก็ต้องอุทธรณ์และฏีกาไปจนถึงที่สุด จากนั้นก็เป็นไปตามคำพิพากษาของศาล…
แต่ถ้าชนะ ก็ดี จะได้สบายใจ โปร่งโลง ได้มีเวลาคิดทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมและตนเองต่อไป”
“แล้วไม่ฟ้องกลับพวกเขารึ ?”
“คนอื่นฉันไม่รู้ แต่สำหรับฉัน “คงไม่” จะให้ฉันไปฟ้องเอาผิด คนที่ฟ้องฉัน หรือเอาผิดกับพยาน เช่น “หนูยุ” รึ ฉันทำไม่ได้หรอก พวกนี้เหมือนลูกเหมือนหลาน
คิดดูซิ ฉันจะมีความสุขได้อย่างไรถ้าฉันเป็นต้นเหตุให้พวกเขาต้องติดคุก ฉันจะเรียกเอาเงินเอาทองค่าเสียหายจากพวกเขาได้อย่างไร ถึงได้มาก็เท่านั้น ปล่อยให้เขาสำนึกเองเถอะว่า “การทำให้คนอื่นเดือดร้อนนั้นเป็นบาปอย่างยิ่ง” แต่ถ้าเขาไม่สำนึกก็แล้วไป เราเป็นผู้ใหญ่ ก่อนตายมีโอกาสได้เมตตาให้อภัยคนที่ทำร้ายเรา คนที่จะเอาเราเข้าคุก คนที่จะเอาเงินจากเรา ซึ่งก็ไม่ค่อยมีอยู่แล้ว น่าจะได้บุญโขอยู่นะจะบอกให้”
“ที่แกพูดนี่ หวังให้พวกเขาใจอ่อนถอนฟ้องแกรึไง?”
ไม่หรอก ! ฉันเพียงแต่อยากจะบอกว่า สำหรับฉัน ความเมตตานั้นสำคัญมาก ชีวิตของฉันผ่านพ้นอุปสรรค์ต่างๆมาได้ ก็เพราะความเมตตาจากคนอื่น มันสร้างความสมดุลให้แก่ชีวิต ฉันพบว่า ในขณะที่คนหนึ่งมุ่งทำร้ายฉัน ก็จะมีอีกคนหนึ่งหรืออีกหลายคนคอยช่วยเหลือฉัน อย่างเช่น ตอนถูกจับที่อยุธยา ไปตามคดีที่สำนักงานอัยการ ไม่รู้จักใครเลย พบเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง เมตตาช่วยเหลือให้ได้เข้าพบถึง อธิบดี ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แม้เมื่อไปเรียนต่างประเทศก็มีครูบาอาจารย์และเพื่อนๆที่ถึงแม้จะพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็เมตตาช่วยเหลือฉัน เช่น “ ศาสตราจารย์ ดร. เปรม โกสวามี” อาจารย์สอนฉันที่ ม.ปัญจาก บ่นแบบยิ้มๆให้ฟังว่า “วิสุทธิ์นี่ เขียนภาษาอังกฤษอ่านยากมาก” 555 แล้วฉันก็จบมาด้วยความเมตตาของท่านอาจารย์ทั้งหลายจนได้
ครับ ชีวิตฉันจึงอยู่กับความเมตตา ทั้งจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์และกัลยาณมิตร เป็นผลให้ฉันมาถึงตรงนี้ ขอขอบคุณ “ความเมตตา”
….