
วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2566
จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์ (ลุยเลย)
25
“คม หักศอก ถาม มีนา จัน นั่นเสียงอะไรวะ ดังสนั่นหวั่นไหว อึกกระทึกครึกโคม ดูเหมือนเสียงจะมาจากทาง ม.สารขัณฑ์ด้วย และนั่น น้ำอะไรวะ ไหลทะลักเข้ามาเกือบถึงบันไดบ้าน”
มีนา จัน ตอบว่า “ไม่รู้ แต่ไม่ยาก สามารถรู้ได้จากอาคมที่ฉันเล่าเรียนมา ขอเวลา 5 นาที” จากนั้น มีนา จัน ใช้ผ้าขาวม้า เฉวียงบ่า นั่งขัดสมาธิบริกรรมคาถา และไม่นาน เขาลืมตาขึ้น บอกว่า “รู้แล้ว นั่งลงซิ คม หักศอก ฉันจะบอกว่า เสียงอะไร และน้ำอะไร ไหลมาจากไหน?
เมื่อทั้งคู่นั่งลงเรียบร้อย มีนา จันบอกว่า เสียงที่เราได้ยินนั้น มาจากมหาลัยสารขัณฑ์ เป็นเสียงของอาจารย์และพนักงานที่ดีอกดีใจกันถึงขีดสุด เพราะคดี 9 คน ศาลอุทธรณ์พิพากษา ยกฟ้อง ยืนตามศาลชั้นต้นแล้ว นั่นหมายความว่า การตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อเอาผิดทางวินัยกับอาจารย์และพนักงานที่ยังอยู่หรือถูกปลดออกจากงานหรือ ผู้เกษียณไปแล้ว ไม่สามารถทำได้ ความจริงทำไม่ได้มาตั้งแต่ อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนี้แล้ว ส่วนน้ำที่ทะลักเข้ามาที่ลานบ้านนั้น เป็นน้ำตาแห่งคาวามปลื้มปิติ ขอผู้คนเป็นจำนวนมาก ที่หลั่งออกมาจากความดีใจ จนน้ำตาไหล เพราะต่อไปก็จะถึงเวลา “เช็คอะบิล” พวกที่ฟ้องและพวกที่เป็นพยาน ซึ่งก่อนหน้านี้ อาจารย์และพนักงาน ได้แจ้งความดำเนินคดีกับพยาน จำนวน 2 ปาก ที่ สภ.สารขัณฑ์ ในฐานที่เป็นพยานเท็จ เป็นการประเดิมชัยไปก่อนแล้ว
ข่าวบอกว่า ทั้งคู่มีอาการเครียด เพราะคดีที่เขาฟ้องกลับ เป็นคดีที่ฟ้องเป็นการส่วนตัว โดยใช้คำพิพากษาของศาลเป็นหลักฐาน ซึ่งผิดแหงแก๋ ทั้งคู่มีโอกาสติดคุกค่อนข้างจะแน่นอน และที่สำคัญ ทั้งคู่ถูกนางแต้ม ลอยแพแบบเดียวกับท่านชมบุญ ที่หมดบุญวาสนาไปแล้ว เหลือแต่คดีติดตัวไปเป็นสมบัติ และต้องจ้างทนายและค่าใช้จ่ายต่างๆในการสู้คดีเองทั้งหมด คนหนึ่งบ่นว่า “ซวยระยำจริงๆ กู ไม่ควร ไม่ควร”
สำหรับไฮไลท์ของการฟังคำพิพากษาอยู่ที่ มารดาของญิงกล้า ซึ่งชราภาพมากแล้ว แต่อุตสาห์เดินทางมาจากเมืองโคราชา มาฟังคำพิพากษา เนื่องจากกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะห่วงลูกสาวมาหลายเพลาแล้ว เมื่อทราบว่า ศาลยกฟ้องเท่านั้น แม่เฒ่าน้ำตาไหลพราก อุทานว่า “พระคุ้มครองลูกแม่แล้ว” และหันไปทางหลานชาย “หาข้าวให้ยายกินหน่อย ลูก ยายหิวข้าว”
ที่นี้ลองมาดูพยานคดีที่มีการฟ้องหมิ่นประมาท จิปาถะ เรื่องสั้น ซึ่งมีอยู่ 5-6 คน มีคนหนึ่งที่ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า “เท่าที่อ่านข้อความแล้ว มีความเป็นไปได้ว่า คนที่พูดถึง คือ ….. จะมีสักกี่คนที่จบเศรษฐศาสตร์จากอินเดีย” มีคนเคยเตือนว่า “เรื่องการเป็นพยานในศาล กล่าวหาผู้อื่นว่ากระทำผิดนั้น ไม่ง่ายเลย นอกจากอันตรายแล้ว ยังเป็นบาปด้วย ซึ่งความจริงไม่ใช่เรื่องอะไรของเราสักหน่อย ถ้าเกิดศาลยกฟ้อง และถูกฟ้องกลับละก็จะหนาว ติดตะรางนะครับ ทำเป็นเล่นไป ถึงเวลาไม่มีใครช่วยเราหรอก หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ ทางที่ดีลองไปปรึกษาพ่อแม่ พี่น้อง ดูก่อนนะครับ เดี๋ยวจะลำบากนะ ถ้าพ่อแม่บอกโอเคละก็ ลุยเลยครับผม
….