วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2564
จิปาถะ เรื่องสั้น อีแสบ (ปลดได้ปลดไป)
22
ที่กำแพงมณี ขณะนี้จำเลยทั้ง 10 ท่านได้รับเกียรติให้มาถือป้าย เคาท์ดาวน์ ที่เหลือเวลาอีก 9 วันเท่านั้น ปรากฏว่าที่ สี่แยกหน้า ม.กำแพงมณี ได้มีศิษย์เก่าและชาวมหาวิทยาลัยกำแพงมณี เอาป้ายมาติดไว้ มีข้อความว่า “ขอคัดค้าน มติการสรรหาอธิการบดีที่ขาดหลักธรรมมาภิบาล”
สาเหตุที่ต้องนำป้ายมาติดไว้สี่แยกหน้า ม. ก็เพราะว่า ป้ายติดไว้ที่ตึกใน ม. โดนปลดออก มีคนเห็นแอบมาปลดกลางดึก ขึ้นตึกเองซะด้วย (โชคดีที่ไม่ตกลงมาให้เป็นข่าวปัง) ศิษย์เก่า ก็เลยเปลี่ยนมาติดไว้ที่สี่แยกหน้า ม. ซะเลย เห็นกันทั่วถึงดี และยืนยันว่า “ปลดได้ปลดไป ของใหม่ ใหญ่กว่าเดิม ถ้าปลดอีก ไปแยกไฟแดงนครชุมนุมเลย”
มีเสียงสนับสนุนว่า “ติดรอบนี้เอาทุกสี่แยกกำแพงไปโลด อิอิ” มีเสียงเสริม “ติดให้เต็มเมืองไปเลยครับ”
มีข่าวแว่วมาว่า “เมื่อตอนบ่ายเมื่อวานนี้ เห็นคุณครกและคุณปอสิต รวมกลุ่มกัน ครบทีม หน้าดำค่ำเครียดน่าดูครับ”
ขอกลับมาที่ความคิดเห็นของผู้สันทัดกรณีจำเลยทั้ง 10 คน ครับผม “เหตุการณ์ที่มหาวิทยาลัยกำแพงมณี ผู้ที่จะทำให้จำเลยทั้ง 10 คนต้องติดคุก นอกจากพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารแล้ว ก็จะมีพยานบุคคล บางคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีและเป็นคนสำคัญที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับคดีด้วย หากการเบิกความต่อศาลตรงกับความจริง ทั้ง 10 คนก็จะติดคุกทันที แต่ถ้าเบิกความเป็นเท็จเพื่อช่วยจำเลยทั้ง 10 คน ตัวพยานเองก็อาจติดคุกก่อนใครอื่นในฐานเบิกความเป็นเท็จ
คุณบุญเยี่ยม คือ พยานคนสำคัญที่เข้าร่วมในเหตุการณ์สำคัญหลายๆเหตุการณ์ ดังนั้นทั้งฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลย ต่างก็จะอ้างคุณบุญเยี่ยม เป็นพยาน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีของฝ่ายตนเอง ความหนักใจก็จะตกอยู่กับคุณบุญเยี่ยม ว่าจะเลือกติดคุกเองหรือจะให้ผู้ที่มีพระคุณทั้ง 10 คน ติดคุก ถ้าตัดสินผิดก็อาจได้รับ ฉายาว่า” บุญเยี่ยม จอมเนรคุณ”อีกคนหนึ่ง
ดังนั้น จึงขอฝากข้อกฎหมายมาตรา 177 สำหรับคุณบุญเยี่ยม ได้ไปศึกษาให้ถ่องแท้เสียก่อน คือ
มาตรา 177 ผู้ใดเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ถ้าความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ได้กระทำในการพิจารณาคดีอาญา ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นสี่พันบาท
ถ้าคุณบุญเยี่ยม ตัดสินใจผิดพลาด เบิกความอันเป็นเท็จ อาจต้องได้เปลี่ยนชื่อเป็น “คุณบาปเยี่ยม” และไปอยู่ในคุกเสียเองเลย”
….