วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม 2565
จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์ (กลัวขึ้หด)
“ทำไมคณะกรรมการอุทธรณ์และร้องทุกข์ ม. เรา มันถึงไม่รับเรื่องที่หญิงกล้าอุทธรณ์ล่ะ อีแต้มขึ้นเสียงกับไอ้ส่งเดชที่นั่งก้มหน้านิ่งตัวสั่นเทาอยู่ตรงหน้า ส่งเดชเงยหน้าที่ดำคล้ำขึ้น แต่สายตายังหลบต่ำ และชี้แจงให้อีแต้มฟังด้วยเสียงสั่นเครือว่า “หญิงกล้ามันเป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา เมื่อถูกลงโทษปลดออก ซึ่งเป็นโทษหนัก ต้องอุทธรณ์และร้องทุกข์ไปที่ กพอ. เท่านั้น”
“รู้แล้ว แต่กูบอกให้มึงไปล็อบบี้กรรมการอุทธรณ์ฯ ให้รับไว้ก่อน เมื่อเลยเวลาที่จะอุทธรณ์ไปที่ กพอ.แล้ว ค่อยแจ้งหญิงกล้าว่า กรรมการอุทธรณ์ฯ ของ ม. ไม่มีอำนาจ เท่านั้นก็จบ ทำไมถึงทำไม่สำเร็จวะ ไอ้ส่งเดช ?”
ส่งเดชก้มหน้ามองพื้น ตอบในใจว่า “พยายามเต็มกำลังแล้วแต่กรรมการฯเขาไม่ยอม” แต่ไม่กล้าตอบ ได้แต่ก้มหน้านิ่ง ใจอยากแทรกแผ่นดินหนีเพราะความกลัว…ความเครียดทำให้ทั้งคู่เงียบไป
ทันใดนั้นอีแต้มก็มีอาการคลุ้มคลั่ง ฉวยได้แจกันดอกไม้สีม้วงม่วง ขว้างไปที่ประตูห้องเสียงดังโครมใหญ่ ตะโกนลั่นห้อง “ไป ไป ไอ้ส่ง-เดช ไปจัดการให้ได้” ส่งเดชลุกขึ้นเดินตัวลีบหลบเศษแก้วออกจากห้องไป
อีแต้มนั่งลงที่เดิม ใช้มือทั้งสองข้างกุมกบาล เกาหัวแกรกๆ อุทานว่า อีหญิงกล้าเอ้ย! อีห้า! “ฟ้าส่งกูมาเกิด ทำไมต้องส่งมึงมาเล่นงานกูด้วย คราวที่แล้ว มึงก็เสือกไปฟ้องศาลคดีอาญาทุจริตที่เมืองประทายสมันต์ ทำเอากูเกือบเสร็จ พอดีได้ไอ้ทนายกุ้งจ่อมเมืองตลุงใช้เล่ห์เหลี่ยมช่วยไกล่เกลี่ยให้ จนสามารถเล็ดรอดผ่านวิกฤติมาได้อย่างหวุดหวิด
คิดแล้วยังโกรธและอาฆาตมันอยู่จนทุกวันนี้ เพราะมันทำให้ต้องตกเป็นจำเลยต่อศาล ซึ่งต้องประกันตัว ใช้ตำแหน่งข้าราชการบำนาญก็ไม่ได้ ต้องใช้เงินสด แต่เงินไม่สำคัญหรอก สำคัญตรงที่ตอนรอให้ทนายทำเรื่องขอประกันตัวนี่ซิ ใจระทึด ไม่รู้ว่าศาลจะยอมให้ประกันตัวหรือไม่ ตอนนั้นหมดรูปไปเลย เพราะถูกควบคุมตัวไว้ที่ห้องใต้ถุนศาล เวลาปวดท้องฉีก็ต้องขออนุญาต เหมือนเด็กประถม แถมเดินตามมาเฝ้าด้วยนะ “ไม่หนีหรอก เป็นอธิการบดี ลูกครูใหญ่ด้วย จะหนีได้ไง” แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกัน เมื่อถูกควบคุมตัวไม่ว่าใคร ก็ไปไหนไม่ได้ เพราะเขากลัวหนีหาย เรื่องนี้ผมมีประสบการณ์ ที่ สภ.อยุธยา เมื่อหน่วยตรวจค้นจับกุม พาผมมาถึงโรงพักและส่งตัวให้ร้อยเวรซึ่งกำลังทำงานยุ่งอยู่ จึงสั่งให้ลูกน้องพาผมไปควบคุมตัวไว้ ลูกน้องก็ยุ่งเหมือนกัน วิธีสะดวกที่สุดคือ จับผมเข้าไปไว้ในกรงขัง แต่ยังไม่ทันได้เข้ากรง เพื่อนซึ่งเป็นรองอธิการบดี ผศ.สุวิทย์ เทียนทอง ต่อมาเป็นอธิการ ให้เพื่อนที่เป็นนายตำรวจมาพาผมไปนั่งรอที่ห้องของท่าน ขอขอบคุณท่านสุวิทย์ ครับผม แต่ยังเสียดายอยู่เลย น่าจะได้รูปถ่ายที่อยู่ในกรงไว้เป็นเกียรติประวัติสักรูป. 555 โม้ไปอย่างนั้นเอง ตอนนั้น กลัวขี้หด!
….