วันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2564
จิปาถะ เรื่องสั้น โจรปล้มเงินเดือน (ลูกอีช่างหาเรื่อง)
2
เรื่องการขนดินถมที่ขุดจากการก่อสร้างอาคารหอประชุม มหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ ออกไปนอกมหาวิทยาลัย ถึงวันนี้ ก็ไม่มีใครรู้ว่า ขนออกไปกี่คันรถ ขนไปเพื่อจำหน่ายออกเพื่อบริจากให้หน่วยงานใด หรือขายให้เอกชน ฉะนั้นที่ว่ากันไปว่ากันมาก็เป็นแต่เพียงข้อสงสัยเท่านั้น ซึ่งก็สงสัยกันได้ เมื่อสงสัยสิ่งที่ต้องการก็คือคำตอบ ขอเชิญผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ช่วยชี้แจงด้วยครับ จะได้หมดเรื่อง
มหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ ตั้งอยู่ในที่ดินราชพัสดุ เป็นอสังหาริมทรัพย์ (ทรัพย์ที่เคลื่อนที่ไม่ได้) เป็น
ทรัพย์สินของแผ่นดิน อยู่ในความดูแลของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง สามารถซื้อขายได้ตามความจำเป็น ตัวอย่างเช่น คุณหญิงพจมาน ชินวัตร คู่สมรสของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ประมูลและทำสัญญาซื้อที่ดินรัชดาฯจากหน่วยงานของรัฐ เมื่อปลายปี 2546 ระหว่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีอำนาจอยู่ในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นต้น
ส่วนดินที่ขุดไปจากที่ราชพัสดุ ได้เปลี่ยนสภาพเป็นสังหาริมทรัพย์แล้ว แต่ก็ยังเป็นสมบัติของแผ่นดินอยู่ดี การซื้อขาย จำหน่ายจ่ายแจก ก็คงทำได้เช่นกัน แต่ต้องได้รับอนุญาตจากกรมธนรักษ์ และเงินที่ได้จะต้องส่งเข้าคลัง ซึ่งมีขั้นตอนการปฏิบัติยุ่งยากมาก จึงไม่ค่อยมีใครทำ
ฉะนั้น กรณีของมหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ที่กล้าทำ (ถ้านำไปขายจริง) จึงน่าสนใจมากตรงที่ว่ามีการดำเนินการถูกต้องตามระเบียบของทางราชการหรือไม่?
เรื่องนี้ผู้สันทัดกรณีแสดงความเห็นว่า “เรื่องขายดินของราชการเป็นเรื่องที่น่ากลัวและขนหัวลุกมาก จึงขอตั้งข้องสังเกตุดังนี้
1.หน่วยงานใดเป็นผู้อนุญาต
2.ในเขตหน่วยงานราชการนั้นไม่มีที่จะถมหรือวางไว้ใช่หรือไม่
3.ทำไมไม่บริจาคให้หน่วยราชการอื่นที่ต้องการ
4.ราคากลางที่เสนอกันไว้ตรงกับหน่วยงานอื่นที่ขอก่อสร้างและต้องถมที่หรือไม่(85บาท:ลบ.ม.)
5.ปริมาณดินที่เป็นจริงตรงกับประมาณการหรือไม่เช่นประมาณการ14383ลบ.ม. ซึ่งความจริงอาจขุดไป20,000ลบ.ม.ก็ได้ และส่วนที่เกินตกในกระเป๋าใคน
4.กรรมการตรวจรับงานได้ไปตรวจงานควบคุมการขนดินออกหรือไม่
6.ช่างควบคุมงานได้จดรายละเอียดการขนดินออกไปหรือไม่
5.เมื่อขนดินออกไปเสร็จได้นำเงินมาชำระแล้วยัง
แค่นี้ ก็ทำให้ กรรมการผู้กำหนดราคากลาง,ช่างควบคุมงาน,กรรมการตรวจรับงาน และผู้มีอำนาจลงนามในสัญญา ก็มีสิทธิติดคุกอีกแล้วครับ
ขออนุญาตไอสักนิดครับ คุก คุก คุก !”
“อีแม่เอ้ย ช่างหาเรื่องจริงๆ”
…