เรื่องสั้น เหตุเกิดที่ ม.สารขัณฑ์ (นรกบนดิน)

9
วันนี้ มีนา จัน มามาดใหม่ สวมบทบาทนักอาชญาวิทยา นำเข้าสู่บทเรียนด้วยการเปรยว่า “ไม่มีมนุษย์คนไหนที่สมบูรณ์แบบ อาชญากรก็เช่นกัน พร้อมยกคำคม “อาชญากร ย่อมทิ้งร่องรอยไว้เสมอ” Criminals always leave evidence”
ฉะนั้น ไม่ว่าท่านจะพยายามกลบเกลื่อนร่องรอยความผิดอย่างไร แต่รับรองได้ไม่มีทางที่ท่านจะลบร่องรอยเหล่านั้นได้หมดจดหรอก เหมือนท่านพูดโกหก ไม่ว่าจะโกหกได้แนบเนียนขนาดไหน จะต้องมีพิรุธให้จับได้เสมอ”
คม ถามว่า “แกพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไมวะ”
“ฉันอยากจะบอกนางแต้ม และนายกสภาฯ ตัวละครคู่พระคู่นางของฉันว่า หยุดเถอะ อย่าได้สร้างหลักฐานเท็จ สะสมความผิดพอกพูนให้มากไปกว่านี้เลย หลักฐานความผิดที่มีอยู่ก็ชัดแจ้งเห็นจริงทุกรายการแล้ว ฉะนั้น ควรคิดหาทางที่จะผ่อนหนักให้เป็นเบาจะดีกว่า ถ้าไม่คิดถึงตัวเอง ก็ให้คิดถึงครอบครัวและวงศ์ตระกูลบ้าง อำนาจนั้นมีได้ก็เสื่อมได้ จงคิดถึงความเป็นธรรมดาเช่นนี้” มีนา บรรยายยืดยาว เพื่อแสดงเจตนาของความห่วงใย
แต่ คม หักศอก แย้งว่า “ไอ้คู่นี้หรือสองคนนี้ คิดไม่เป็นหรอก ผีความโลภมันเข้าสิง แถมชักนำให้พวกอ่อนวัยอ่อนปัญญา พากัน
โลภ ตามืดบอดตกหลุมนรกตามไปด้วย คิดแล้วสงสารจริงๆ ”
มีนา จัน เสริมว่า “อยากจะบอกทุกๆคน ตอนที่ผมถูกจับที่อยุธยาเมื่อ ปี 40 เพียงพี่น้องได้ข่าว เท่านั้นแหละ วุ่นวายกันไปหมด วิ่งกันวุ่น ลุง ป้า น้า อา ต้องถ่อสังขารเดินทางมาอยุธยาเพื่อหาหนทางช่วยเหลือ ฉะนั้น เชื่อผมเถอะครับ หยุดได้ก็หยุดเสียเถอะ เพราะมันนรกบนดิน ชัดๆ” (ไม่ต้องเชื่อก็ได้ ครับผม)
คม ถามว่า “แล้วไอ้ที่ท่านว่า “อาชญากร ย่อมทิ้งร่องรอยไว้เสมอ” ไอ้ร่องรอยที่ว่านะมันคืออะไร?”
“อยากรู้ก็ต้องรออ่านตอนต่อไปครับผม”
…