เรื่องสั้น เหตุเกิดที่มหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ (โมฆะสตรี)

20

คม หักศอก กระซิบบอกผมว่า “เหตุที่กรรมการสภาที่มาจากผู้ทรงคุณวุมิที่เป็นครูของนางแต้มลาออกเพราะท่านไม่ต้องการตกเป็นจำเลยในศาล  ท่านไม่อยากเดือดร้อนและเสียชื่อเสียง”

“แสดงว่า นางแต้มทำร้ายครู ซึ่งเท่ากับทำร้ายพ่อแม่ ถือเป็นบาปมหันต์”

คม หักศอก กระซิบบอกอีกว่า “ตอนนี้ทั้งนางแต้ม นายกสภาฯและกรรมการสภาที่มาจากผู้ทรงคุณวุฒิกำลังจะเดือดร้อนหนัก”

ผมถามว่า “จริงรึ” คมไม่ตอบแต่หยิบคำสั่งมหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ที่  04 /2563 ให้ผมอ่าน

ผมถามคมว่า “นี่ของแท้หรือเปล่า” คม หักศอกตอบว่า “ของจริงแท้แน่นอน 1,000 เปอร์เซนต์”

“แสดงว่า คำสั่งนี้ คือ คำรับสารภาพของนายกสภาฯ ที่ยอมรับว่า นางแต้มนั้นเป็นรักษาการอธิการบดีเถื่อนมาตั้งแต่ วันที่ 18 มีนาคม 2560

ดังนั้นการกระทำใดๆ ของนางแต้มจึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถือเป็นโมฆะ”

ทนายวันชัย สอนศิริ กล่าวว่า “คำว่าโมฆะบุรุษ…โมฆะสตรี แปลว่าผู้ชายหรือผู้หญิงที่ไม่มีอะไร… มีแต่สมองกลวงๆ ว่างเปล่า ไม่มีอะไรเป็นสาระแก่นสาร ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เรียกว่า”โมฆะ” …คนพวกนี้ทำอะไรจึงไม่เป็นชิ้นเป็นอัน สูญเปล่า… เลือกตั้งคะแนนก็เป็นโมฆะ ขบวนการจัดการเลือกตั้งก็โมฆะ… ไปๆมาๆการเลือกตั้งก็คงจะโมฆะ… สรุปว่าสูญเปล่า…ไม่มีอะไรเลย”.

และเนื่องจากนางแต้มหรือรักษาการอธิการบดีเป็นโมฆะสตรี ดังนั้น การสรรหานายกสภาและกรรมการสภาที่มาจากผู้ทรงคุณวุฒิก็ดี การสรรหาคณบดีคณะต่างๆก็ดี และอีกหลายอย่างมากมาย ที่เกิดขึ้นจากคนโมฆะ จึงเป็นโมฆะ หรือสูญเปล่าทั้งหมด

แต่ที่หนักหนาสากรรจ์กว่าก็คือ นางแต้มและนายกสภาฯ ได้นำเรื่องที่เป็นโมฆะ ซึ่งได้แก่การนำรายชื่อนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภาที่มาจากผู้ทรงคุณวุฒิ โมฆะ กราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯ จึงเป็นการกระทำที่มิบังควรเป็นอย่างยิ่ง

ผมสงสัยว่าในสมัยโบราณ พฤติกรรมลักษณะนี้ คงจะไม่ใช่ตัดหัว 7 ชั่วโครต เสียแล้ว แต่เป็นตัดหัว 14 ชั่วโครต ครับผม

…