เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์  (กลัวโดนกระทืบ)

วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์  (กลัวโดนกระทืบ)

24

เมื่อวานนี้ จิปาถะ เรื่องสั้น เปิดตัวละครตัวใหม่ “อีลากไส้” ขอมอบเครดิตให้ “ผศ.ดร.ชลิดา ภัทรศรีจิรากุล ท่านบอกว่า “โอ้หนอ ถามแค่ อีลากไส้ เป็นงัย ไปยาวเลย เอ แต่ไอ้ร้องไห้ จนเข้าคุกนี่ โหมดไหนน้อ ร้องไห้ให้เขาพาเข้าคุก เหรอ แปลกดีนะ” และท่าน PN บอกว่า “ตอนนี้ อีลากไส้ กำลังจะไส้ลากพร้อมด้วยอุจาระราด” ครับ นี่คือคำตอบว่าทำไมจึงต้องร้องไห้ขอเข้าคุก “ก็กลัวถูกรุมกระทืบขี้แตกนะซิครับผม”555

ต่อไปนี้เป็นสรรพคุณคับแก้ว ของ “อีลากไส้ “มณัณญา บอกว่า “คนจะงาม งามน้ำใจ ใช่ใบหน้า คนจะสวยสวย จรรยา ใช่ตาหวาน คนจะแก่แก่ความรู้ใช่อยู่นาน คนจะรวยรวยสินทานใช่บ้านโต..คงดัดยากแล้วค่ะ มันฝังเข้าเส้นเลือด..แก้ไม่หายหลายคนพูดว่ากลัว,มันผูกคอตายก่อน! ขนาดร้องไห้..เรื่องยังดังทั้งตึก สติแตก ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ลงกับเจ้าหน้าที่..วันๆนั่งมองกล้อง..จ้องจับผิด จะกลั่นแกล้งใคร..ศีล..ไม่มา..ปัญญา..ไม่เกิด..มีแต่กิเลสตัณหา..คิดแต่เรื่องชั่วๆ ก็ขอบคุณชาวมหาลัยสารขัณฑ์..ที่ยังเชื่อมั่นและศรัทธา..ในตัวเรา..”พี่ๆเมื่อไหร่…มันจะตายๆ จักที่” “แดกไม่รู้จักอิ่ม” .ฯลฯ…พวก….รอฟ้าเปิดนะ..สัญญาทาส..ใครเป็นคนต้นคิด..ก็ยังหลุด..ออกมา..ซิไป..ต่อหรือ..พอซ้ำนี้..ไม่เคยคิดพายเรือให้โจรนั่ง..มหาลัยสารขัณฑ์..ถึงคราว..ที่จะกอบกู้แล้วพี่น้อง..เอ่ย..ใครมีอะไร..เก็บรวบรวมออกมา..ศึกนี้..ไม่น่ากลัว..คำว่าเหรียญยังมีสองด้าน..เกลือเป็นหนอน..ก็จะแปลกอะไร! “ขอบคุณหนอนทองคำ”

ส่วน นงนภัส บอกว่า “ภาพยังติดตาหนูมาตลอด ตอนนั้นเป็นงานบวงสรวง ร.1 หนูนั่งอยู่ด้านหลังพ่อเมืองและแม่เมืองด้วยความคุ้นเคยส่วนตัว ซักครู่นางก็เดินนำขบวนขี้ข้าเข้าร่วมงาน พวกขี้ข้าไม่มีที่นั่ง แต่นางเสนอหน้าไปนั่งหน้างาน หน้าเชิดตัวตรง โดยที่ไม่หันมองว่ามีใครนั่งอยู่บ้าง สักครู่พ่อเมืองและแม่เมืองก็หันมาพูด “รู้แล้วว่าทำไมเธอถึงอยากหนีไปอยู่ที่อื่นเหมือนเปรตจริงๆ”

และ ผศ.ดร.La Ph บอกว่า “ท่านพ่อเมืองและแม่เมืองท่านพูดตรงมาก เห็นภาพชัดเจนเลยค่ะ…เขาคงนึกว่า “เขาและพวกยิ่งใหญ่มากๆ” และมีอำนาจเหนือทุกคนในสารขัณฑ์ คนแบบนี้ทั้งหลงผิด หลงอำนาจ หลงในกิเลสตัณหานานัปการ” “555  จุดจบของอีลากไส้กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว”

ปล. นงนภัส บอกว่า “ถ้าอีลากไส้เป็นไปตามที่อาจารย์พูด อาจจะเกิดปาฏิหาริย์กับหนูน๊อตที่หลังอาจจะหมุนเข้าเองโดยที่หนูไม่ต้องไปผ่าตัดซ้ำ และไม่ต้องลาป่วยยาว☺☺☺ เดี๋ยวเขาจะเรียกเงินประจำตำแหน่งคืน เพราะเวลาที่หนูป่วยหนูลา หนูจะกลายเป็นผู้บริหารทันที😕 แต่ถ้าหนูปกติดีหนูจะเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่😞

และผศ.ดร.ชลิดา ภัทรศรีจิรากุล ปลอบใจว่า “ใจเย็นๆ ให้กำลังใจตัวเองเข้าไว้ ความเจ็บป่วยเป็นเรื่องที่รักษาได้ ส่วนอาการทางใจ รออีกนิดหนึ่ง ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าพระอาทิตย์ขึ้นก็ยังต้องตก ชีวิตคนไม่ตกตลอดหรอก เดี๋ยวก็ขึ้นเหมือนกัน แค่รออีกฝั่งตกก่อนนะ”

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *